หน้าร้านดีดี บอร์ด

ศาสนา & วัดวาอาราม & สวนสาธารณะ & พิพิธภัณฑ์ => ศาสนา-วัดวาอาราม-พระอารามหลวง => ข้อความที่เริ่มโดย: ka1 ที่ ธันวาคม 05, 2009, 02:22:31 PM



หัวข้อ: วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร
เริ่มหัวข้อโดย: ka1 ที่ ธันวาคม 05, 2009, 02:22:31 PM
(http://img689.imageshack.us/img689/2336/97097360.jpg)
พระสุวรรณเขต (องค์หลัง)-พระพุทธชินสีห์ (องค์หน้า)
สององค์พระประธานต่างความงามต่างสมัยในพระอุโบสถ

(http://img689.imageshack.us/img689/1358/18117101.jpg)
สมเด็จพระสังฆราชรูปบัจจุบัน

(http://img708.imageshack.us/img708/6587/73651221.jpg)
รวมอดีตเจ้าอาวาส-ปัจจุบัน

(http://img689.imageshack.us/img689/8388/20989716.jpg)
รูปมหาราช รัชกาลที่9 ทรงผนวก

(http://img69.imageshack.us/img69/5285/74994520.jpg)
รวมปัญจะหมาราช ทรงผนวก

(http://img710.imageshack.us/img710/1739/17395903.jpg)
พระอุโบสถ

(http://img406.imageshack.us/img406/7825/74876633.jpg)
พระนอน

(http://img406.imageshack.us/img406/1636/84430137.jpg)
รูปหล่อรัชกาลที่4


(http://img4.imageshack.us/img4/8185/20911073.jpg)
ประตูเซี่ยวกาง” ที่มีปากสีดำอันโดดเด่นของวัดบวรนิเวศวิหาร
“ประตูเซี่ยวกาง” ศิลปะทวารบาลที่ได้รับอิทธิพลจากจีนมาอย่างเด่นชัด
โดยประตูเซี่ยวกางแห่งนี้เป็นรูปเทวดาผี ใช้ไม้แกะเป็นรูปเทวดา
หนวดเครายาว ปิดทองเหลืองอร่าม ตนหนึ่งมือซ้ายถือสามง่าม มือขวาถือกริช
เหยียบบนหลังจระเข้ อีกตนหนึ่งมือขวาถือโล่ มือซ้ายถือดาบ เหยียบบนหลังมังกร
มีตำนานอยู่ในลัทธิมหายานว่า เป็นจอมแห่งเทวดาผู้พิทักษ์ประตูวัด
ซึ่งกรมพระราชวังบวรมหาศักดิ์พลเสพย์ ได้ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ตามคตินิยมแบบจีน
คำว่าเซี่ยวกาง สันนิษฐานว่ามาจากคำว่า “เซ่ากัง” ที่แปลว่า ยืนยาม นั่นเอง

ส่วนที่แปลกและสะดุดตาของคนที่เดินทางผ่านไป-มา ก็คือ
บริเวณปากของ “เซี่ยวกาง” นายทวารบาล จะมีสีดำ
ซึ่งแม่ค้าพวงมาลัยหน้าประตูวัดเล่าว่า สมัยก่อนยุคที่เมืองไทยยังดูดฝิ่น
ได้มีชาวจีนคนหนึ่งติดฝิ่นงอมแงม
พอต่อมาทางการได้ปราบทำลายโรงงานยาฝิ่นจนหมดสิ้น
เมื่อแกหาฝิ่นดูดไม่ได้ สุดท้ายเลยไปลงแดงตายตรงประตูนี้



วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร
ที่อยู่: 248 ถ.พระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ
เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
โทรศัพท์: (662) 281-2831-3
แฟกซ์: (662) 280-0343

วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร
โดยทั่วไปเรียกกันว่าวัดบวรฯ เป็นวัดโบรณ เดิมชื่อ “วัดใหม่” กรมพระราชวังบวรมหาศิกดิ์ดิพลเสพในรัชกาลที่ 3 ทรงสถาปนาขึ้นใหม่เมื่อรัชกาลที่ 4
ทรงผนวชได้เสด็จมาประทับและทรงตั้งคณะสงฆ์ธรรมยุตติกนิกายขึ้นที่วัดเป็นครั้งแรก ถือเป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่ง เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7 และรัชกาลปัจจุบันทรงผนวช ณ วัดนี้

พระอุโบสถ : มีแบบแปลนแผนผังที่แปลกคือ เป็นอาคารแบบตรีมุขมีปีกยื่นออกมาสองข้าง หลังคามุงกระเบื้อง
เคลือบลูกฟูกแบบจีน หน้าบันประดับกระเบื้องเคลือบ ตรงกลางมีตรามหามงกุฏซุ้มประตูและหน้าต่างเป็นลาย
ปูนปั้นปิดทองผนังภายในเขียนภาพฝรั่งแสดงปริศนาธรรมฝีมือขรัวอินโข่งภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ
เช่น พระสุวรรณเขต พระพุทธชินสิงห์ พระนิรันตราย พระพุทธนินนาท เป็นต้น

ประตูเชี่ยวกาง: เป็นซุ้มประตูใหญ่ของกำแพงวัดที่บายประตูสลักภาพทวารบาลอย่างจีน

พระตำหนักปั้นหยา : รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเพื่อเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และเจ้าฟ้าที่ทรงผนวช.

พระตำหนักเพชร : เป็นตึกฝรั่งปนไทย ท้องพระโรงตกแต่งอย่างงดงม แต่เดิมเป็นที่ตั้งโรงพิมพ์แห่งแรกของไทย.

มหามกุฏราชวิทยาลัย : รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ เปิดทำการสอน 4 คณะคือ ศาสนา
และปรัชญา มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์และศึกษาศาสตร์.
 
  
รายละเอียดเพิ่มเติม
รถประจำทาง: 12 15 56 68
รถปรับอากาศ: 5 11 ทางด่วน 33 สาย 38 68

เวลาทำการ:
บริเวณวัด: ทุกวัน 8.00 น. - 17.00 น.

โบสถ์: วันธรรมดา
8.00 น.-8.40 น.
20.00-21.00น.

วันพระ:  8.00-12.00 น.,13.00-16.00น.

ค่าธรรมเนียม-ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าธรรมเนียม

กิจกรรม-เทศกาล: วันมาฆบูชา ,วันวิสาขบูชา
วันอาสาฬหบูชา,วันอัฐมีบูชา

ห้องสมุด: สนร.วัดบวรนิเวศ ชั้นใต้ดิน ตึกสว.

ธรรมนิเวศ: ทุกวัน 9.00-17.00 น.
หนังสืออนุสรณ์ฯ ชั้น1 ตึกภปร.

ปิด : วันอาทิตย์ 13.00-17.00 น.

พิพิธภัณฑ์: พิพิธภัณฑ์กรรมฐาน ชั้น2
และพิพิธภัณฑ์ของวัด ชั้น3 ตึกภปร.

เวลาเปิด: อาทิตย์ 13.00-17.00น.