หน้าร้านดีดี บอร์ด

พระเกจิอาจารย์ => ตู้พระธรรมเถระเจ้า => ข้อความที่เริ่มโดย: jacky ที่ เมษายน 20, 2010, 10:32:32 PM



หัวข้อ: 4.ประวัติพระรัฐปาลเถระ
เริ่มหัวข้อโดย: jacky ที่ เมษายน 20, 2010, 10:32:32 PM
4.ประวัติพระรัฐปาลเถระ

พระรัฐปาลเข้าไปบ้านโยมบิดา

ลำดับนั้น บิดาของท่านพระรัฐปาละทราบว่า ท่านรัฐปาละรับนิมนต์แล้วเข้าไปยังนิเวศน์ของตน แล้วสั่งให้ฉาบไล้ที่แผ่นดินด้วยโคมัยสด แล้วให้ขนเงินและทองมากองเป็นกองใหญ่ แบ่งเป็นสองกอง คือ เงินกองหนึ่ง ทองกองหนึ่ง เป็นกองใหญ่อย่างที่บุรุษที่ยืนอยู่ข้างนี้ ไม่เห็นบุรุษที่ผู้ยืนข้างโน้น บุรุษที่ยืนข้างโน้นไม่เห็นบุรุษผู้ยืนข้างนี้ ฉะนั้น ให้ปิดกองเงินกองทอง นั้นด้วยเสื่อลำแพน ให้ปูลาดอาสนะไว้ท่ามกลาง แล้วแวดวงด้วยม่าน แล้วเรียกหญิงทั้งหลายที่เป็นภรรยาเก่าของท่านพระรัฐปาละมาว่า

ดูกรแม่สาวๆ ทั้งหลาย เจ้าทั้งหลาย ประดับด้วยเครื่องประดับสำรับใดมา จึงเป็นที่รักที่ชอบใจของรัฐปาลบุตรของเราแต่ก่อน จงประดับด้วยเครื่องประดับสำรับนั้น

ครั้นล่วงราตรีนั้นไป บิดาของท่านพระรัฐปาละ ได้สั่งให้ตกแต่งของเคี้ยวของฉัน อย่างประณีต แล้วใช้คนไปเรียนเวลาแก่ท่านพระรัฐปาละว่า ถึงเวลาแล้วพ่อรัฐปาละว่า ภัตตาหารสำเร็จแล้ว

ครั้งนั้น เวลาเช้า ท่านพระรัฐปาละ นุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไปยังนิเวศน์ แห่งบิดาท่าน แล้วนั่งบนอาสนะที่เขาแต่งตั้งไว้ บิดาของท่านพระรัฐปาละสั่งให้เปิดกองเงินและทองนั้น แล้วได้กล่าวกะท่านพระรัฐปาละว่า

พ่อรัฐปาละ ทรัพย์กองนี้เป็นส่วนของมารดา กองอื่นเป็นส่วนของบิดา ส่วนของปู่อีกกองหนึ่ง เป็นของพ่อผู้เดียวพ่ออาจจะใช้สอยสมบัติ และทำบุญ ได้ พ่อจงลาสิกขาสึกเป็นคฤหัสถ์มาใช้สอยสมบัติ และทำบุญไปเถิด.

ท่านพระรัฐปาละตอบว่า

ดูกรคฤหบดี ถ้าท่านพึงทำตามคำของอาตมภาพได้ ท่านพึงให้ เขาขนกองเงินกองทองนี้บรรทุกเกวียนให้เข็นไปจมเสียที่กลางกระแสแม่น้ำคงคา ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะความโศก ความร่ำไร ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส เพราะมีทรัพย์นั้นเป็นเหตุ จักเกิดขึ้นแก่ท่าน.

ครั้นพระเถระกล่าวอย่างนั้น เศรษฐีคฤหบดีคิดว่า เรานำทรัพย์นี้มาด้วยหมายจะให้บุตรนี้สึก บัดนี้ บุตรนั้นกลับเริ่มสอนธรรม แก่เรา อย่าเลย เขาจักไม่ทำตามคำของเราแน่ แล้วจึงลุกขึ้นไปให้เปิดประตู ห้องภรรยาเก่าของบุตรนั้น ส่งคนไปบอกว่า ผู้นี้เป็นสามี พวกเจ้าจงไปทำ อย่างใดอย่างหนึ่ง พยายามจับตัวมาให้ได้ นางรำทั้งหลายผู้อยู่ในวัยทั้งสามออกไปล้อมพระเถระไว้ แล้วต่างจับท่านที่เท้าแล้วถามว่า พ่อผู้ลูกเจ้า นางฟ้าทั้งหลายผู้เป็นเหตุให้ท่านประพฤติพรหมจรรย์นั้นเป็นเช่นไร ?

เพราะเหตุไร นางรำเหล่านั้น จึงกล่าว อย่างนี้? ได้ยินว่า ครั้งนั้น คนทั้งหลายเห็น เจ้าหนุ่มบ้าง พราหมณ์หนุ่มบ้าง ลูกเศรษฐีบ้าง เป็นอันมาก ละสมบัติ ออกบวชกัน คนเหล่านั้นไม่รู้คุณของการบรรพชา จึงตั้งคำถามว่า เหตุไรคนเหล่านี้ จึงบวช คนอีกพวกหนึ่งจึงกล่าวว่า เพราะเหตุแห่งเทพอัปสร เทพนาฏกะ ถ้อยคำนั้นได้แพร่ไปอย่างกว้างขวาง นางฟ้อนรำเหล่านั้นทั้งหมด จึงจำถ้อยคำนั้นได้แล้วจึงกล่าวอย่างนี้

ท่านพระรัฐปาละตอบว่า

ดูกรน้องหญิง เราทั้งหลายประพฤติพรหมจรรย์เพราะเหตุนางฟ้าทั้งหลายหามิได้.

หญิงเหล่านั้นเสียใจว่า รัฐปาละผู้ลูกเจ้าเรียกเราทั้งหลายด้วยวาทะว่า น้องหญิง ดังนี้สลบล้มอยู่ ณ ที่นั้น

ครั้งนั้น ท่านพระรัฐปาละได้กล่าวกะบิดาว่า

ดูกรคฤหบดี ถ้าจะพึงให้ โภชนะก็จงให้เถิด อย่าแสดงทรัพย์และส่งมาตุคามมาเบียดเบียนเราเลย อย่าให้อาตมภาพลำบากเลย.

พระเถระ กล่าวอย่างนั่นเพราะเหตุว่าเพื่ออนุเคราะห์ มารดาบิดา เล่ากันว่า เศรษฐีนั้น สำคัญผิดว่า ขึ้นชื่อว่าเพศบรรพชิตแล้วย่อมเศร้าหมอง เราจักให้เปลื้องเพศบรรพชิตออก ให้อาบน้ำ บริโภคร่วมกันสามคน จึงไม่ถวายภิกษาแก่พระเถระ พระเถระคิดว่า ถ้ามารดาบิดากระทำเช่นนั้นแก่พระขีณาสพเช่นเรา ก็จะประสบสิ่งที่มิใช่บุญเป็นอันมาก จึงกล่าวอย่างนี้ ด้วยความอนุเคราะห์มารดาบิดานั้น

คฤหบดีได้ยินเช่นนั้นจึงกล่าวว่า บริโภคเถิด พ่อรัฐปาละ ภัตตาหารสำเร็จแล้ว

ถึงบิดาท่านพระรัฐปาละ ได้อังคาสท่านพระรัฐปาละด้วยของเคี้ยวของฉันอย่างประณีตให้อิ่มหนำด้วยมือของตนเสร็จแล้ว.

พระรัฐปาละแสดงธรรม

ครั้งนั้น ท่านพระรัฐปาละฉันเสร็จชักมือออกจากบาตรแล้วได้ยืนขึ้นกล่าวคาถาเหล่านี้ว่า

จงมาดูอัตภาพอันวิจิตร มีกายเป็นแผล อันคุมกันอยู่แล้ว กระสับกระส่าย เป็นที่ดำริของชนเป็นอันมาก ไม่มีความยั่งยืนมั่นคง

จงมาดูรูปอันวิจิตรด้วยแก้วมณีและกุณฑล มีกระดูกอันหนังหุ้มห่อไว้ งามพร้อมด้วยผ้า (ของหญิง) เท้าที่ย้อมด้วยสีแดงสด หน้าที่ไล้ทาด้วยจุณ พอจะหลอกคนโง่ให้หลงได้ แต่จะหลอกคนผู้แสวงหาฝั่งคือพระนิพพานไม่ได้

ผมที่แต่งงาม ตาที่เยิ้มด้วยยาหยอด พอจะหลอกคนให้หลงได้ แต่จะหลอกคนผู้แสวงหาฝั่งคือพระนิพพานไม่ได้

กายเน่าอันประดับด้วยเครื่องอลังการ ประดุจกล่องยาหยอดอันใหม่วิจิตร พอจะหลอกคนโง่ให้หลงได้ แต่จะหลอกคนผู้แสวงหาฝั่งคือพระนิพพานไม่ได้

ท่านเป็นดังพรานเนื้อวางบ่วงไว้ แต่เนื้อไม่ติดบ่วง เมื่อพรานเนื้อกำลังคร่ำครวญอยู่ เรากินแต่อาหารแล้วก็ไป.


ครั้นท่านพระรัฐปาละยืนกล่าวคาถาเหล่านี้จบแล้ว จึงเหาะไปยังพระราชอุทยานมิคาจีระของพระเจ้าโกรัพยะ แล้วนั่งพักกลางวันอยู่ที่โคนไม้แห่งหนึ่ง การที่ท่านต้องเหาะไปเช่นนั้น เนื่องจากท่านทราบว่าเศรษฐีบิดาของพระเถระนั้น สั่งนักมวยปล้ำให้คุมอยู่ที่ซุ้มประตูทั้ง ๗  และคอยดูว่า ถ้าพระเถระจะออกไป ก็จงจับมือเท้าพระเถระไว้เปลื้องผ้ากาสายะออกให้ถือเพศคฤหัสถ์ เพราะฉะนั้น พระเถระจึงคิดว่า มารดาบิดานั้น จับมือเท้าพระมหาขีณาสพเช่นเรา จะพึงประสบสิ่งมิใช่บุญ ข้อนั้นอย่าได้มีแก่มารดาบิดาเลย จึงได้เหาะไป

ครั้งนั้น พระเจ้าโกรัพยะ ตรัสเรียกพนักงานรักษาพระราชอุทยานชื่อ มิควะมาเพื่อให้ตกแต่งสวนให้สะอาดงดงามเพราะมีพระประสงค์จะเสด็จประพาสอุทยานนั้น

นายมิควะทูลรับพระเจ้าโกรัพยะ แล้วจึงชำระพระราชอุทยานมิคาจีระโดยกระทำทางไปพระราชอุทยานให้เสมอ ให้ถากสถานที่ที่ควรจะถาก  ให้กวาดสถานที่ที่ควรจะกวาด และกระทำการเกลี่ยทรายโรยดอกไม้ ตั้งหม้อน้ำเต็ม ตั้งต้นกล้วยเป็นต้น ไว้ภายในพระราชอุทยาน จึงได้เห็นพระรัฐปาละ ซึ่งนั่งพักกลางวันอยู่ที่โคนไม้แห่งหนึ่ง คนเฝ้าสวนคิดว่า พระราชาของเรา ตรัสชมกุลบุตร ผู้นี้อยู่เสมอ ทรงมีพระประสงค์จะพบแต่ไม่ทรงทราบว่ากุลบุตรผู้นั้นมาแล้ว เพราะฉะนั้น เราจักไปกราบทูลพระราชา จึงเข้า ไปเฝ้าพระเจ้าโกรัพยะ แล้วได้กราบทูลว่า

ขอเดชะ พระราชอุทยานมิคาจีระของพระองค์หมดจดแล้วและในพระราชอุทยานนี้มีกุลบุตรชื่อ รัฐปาละ ผู้เป็นบุตรแห่งตระกูลเลิศในถุลลโกฏฐิตนิคมนี้ ที่พระองค์ทรงสรรเสริญอยู่เสมอๆ นั้น เธอนั่งพักกลางวันอยู่ที่โคนไม้แห่งหนึ่ง.

พระเจ้าโกรัพยะตรัสว่า

ดูกรเพื่อนมิควะ ถ้าเช่นนั้น ควรจะไปยังพื้นสวนเดี๋ยวนี้เราทั้งสองจักเข้าไปหารัฐปาละผู้เจริญนั้นในบัดนี้.

ครั้งนั้น พระเจ้าโกรัพยะรับสั่งว่า ของควรเคี้ยวควรบริโภคสิ่งใดอันจะตกแต่งไปในสวนนั้น ท่านทั้งหลายจงแจกจ่ายของสิ่งนั้นทั้งสิ้นเสียเถิด ดังนี้แล้ว รับสั่งให้เทียมพระราชยานชั้นดี เสด็จออกจากถุลลโกฏฐิตนิคมด้วยพระราชยานที่ดีๆ ด้วยราชานุภาพอันยิ่งใหญ่ เพื่อจะพบ ท่านพระรัฐปาละ

ท้าวเธอเสด็จพระราชดำเนิน โดยกระบวนยานพระที่นั่งไปจนสุดทางเสด็จลงทรงพระดำเนินด้วยบริษัทชนสูงๆ เข้าไปหาท่านพระรัฐปาละ แล้วทรงปราศรัยกับท่านพระรัฐปาละ ครั้นผ่านปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว ได้ประทับยืนอยู่ ณ ที่อันสมควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วรับสั่งว่า เชิญท่านรัฐปาละผู้เจริญนั่งบนเครื่องลาดนี้เถิด.

ท่านพระรัฐปาละถวายพระพรว่า

ดูกรมหาบพิตร อย่าเลย เชิญมหาบพิตร นั่งเถิดอาตมภาพนั่งที่อาสนะของอาตมภาพดีแล้ว พระเจ้าโกรัพยะประทับนั่งบนอาสนะที่พนักงานจัดถวาย

ท่านพระรัฐปาละถวายพระพรว่า

ดูกรมหาบพิตร อย่าเลย เชิญมหาบพิตร  นั่งเถิดอาตมภาพนั่งที่อาสนะของอาตมภาพดีแล้ว พระเจ้าโกรัพยะประทับนั่งบนอาสนะที่พนักงานจัดถวาย.


*****************