หัวข้อ: คาถารักษาโรคกรรม-หลวงปู่ฝั้น อาจาโร เริ่มหัวข้อโดย: okay ที่ พฤษภาคม 10, 2010, 08:55:24 PM คาถารักษาโรคกรรม-หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
ครั้งหนึ่งเมื่อหลวงปู่ฝั้น อาจาโร พักอยู่บ้านจีด มีโยมผู้หญิงคนหนึ่งไอทั้งวันทั้งคืน แม้ขณะฟังเทศน์ก็ไอตลอดเวลา รบกวนสมาธิของผู้อื่นเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเทศน์จบพระอาจารย์ฝั้นจึงถามว่า ทำไมไม่รักษา โยมนั้นก็ตอบ ว่า กินยานับขนานไม่ถ้วนก็ยังไม่หาย ท่านจึงบอกโยมผู้นั้นว่า คงเป็นกรรมที่ทำมาแต่ปางก่อน ขอให้หัดภาวนา แล้วท่านบอกคาถาให้บริกรรมว่า " ปฏิกะ มันตุ ภูตานิ " ท่านให้ภาวนาตั้งจิตบริกรรม โดยกำหนดจิตที่ใดที่หนึ่ง วัน แรกนั่งบริกรรมได้สักพักก็ยังไออยู่ตลอด วันที่สองปรากฏว่ามีอาการค่อยชุ่มคอขึ้น อาการไอห่างไปบ้าง พอถึงวันที่สามอาการไอก้หายราวกับปลิดทิ้ง รู้สึกคอชุ่มขึ้น โยมผู้นั้น นั่งบริกรรมอยู่จนดึกดื่น ใครๆ เขาหลับกันหมดก็ยังไม่ยอมหลับ ในที่สุดอาการไอก็หายโดยเด็ดขาดตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา โรคกรรม เรื่องของโรคกรรมนี้ ได้เกิดขึ้นกับชีวิตของคุณพ่อสอน เวียงนนท์ ซึ่งเป็นพ่อของคุณตุ๊กตา หรือชื่อจริงว่า คุณศรีเวียง เวียงนนท์ อายุ ๓๐ ปี อาชีพช่างเสริมสวย อยู่ที่ ๑๕๔/๑ บ้านกุดกว้าง หมู่ที่ ๓ ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น คุณตุ๊กตา ได้เล่าถึงชีวิตแต่หนหลังให้กับผู้เขียนฟังว่า... สมัยที่ตุ๊กยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ อยู่นั้น คุณพ่อสอน และคุณแม่ลำดวน ศรีเวียง ท่าน ได้พากันย้ายครอบครัวมาจากจังหวัดเลย มาตั้งถิ่นฐาน อยู่ที่จังหวัด ขอนแก่น โดยมาปลูกบ้านอาศัยอยู่กับญาติพี่น้อง ที่บ้านกุดกว้างแห่งนี้เอง ตอน ย้ายบ้านมาใหม่ๆ ฐานะทางครอบครัวยากจนมาก บ้านก็ทำเป็นกระท่อม แถมยังเช่าที่ดิน ของญาติ พี่น้อง ปลูกบ้านอีกด้วย ทุกๆเช้า.. ตุ๊กจะเห็นพ่อออกจากบ้าน ไปรับจ้างทำงานก่อสร้างในตัวเมืองขอนแก่นกับเพื่อนบ้าน พ่อ ทำงาน ก่อสร้างอยู่หลายปี พอลูกๆโตกันหมดทุกคนแล้ว แม่เลยออกไปค้าขาย หาเงิน ช่วยพ่อ อีกแรงหนึ่ง โดยไปซื้อผัก ซื้อปลา ซื้อไก่ ที่เขาฆ่าแล้วถอนขนเสร็จ มาขายเป็นตัวๆ ต่อมาแม่ขายไก่ได้มาก เลยเลิกขายของอย่างอื่นหมด หันมาเอาดีทางค้าขายไก่อย่างเดียว ตอนแรก ตุ๊กเห็น แม่ขายไก่ เพียงไม่กี่ตัว พอมีคนรู้จักว่า แม่เป็นแม่ค้าขายไก่ ก็มีคนมาสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พ่อกับแม่เลยปรึกษากันว่า ไก่ ที่แม่ซื้อมาจากพ่อค้าแม่ค้าคนกลางนี้ ถึงมันจะขายได้ ขายดียังไง แต่ทว่า มันก็มีกำไรน้อย สู้ไปซื้อไก่เป็นๆมาจากชาวบ้านจากฟาร์ม แล้วเอามาฆ่าขาย แม่ว่าเราคงจะได้กำไร ดีกว่านี้เป็นแน่ เมื่อ พ่อกับแม่ปรึกษากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พ่อจึงลาออกจากงานก่อสร้าง มาร่วมกันไปหาซื้อไก่ จากชาวบ้าน หรือจากฟาร์มไก่ เอามาขังคอกไว้ทีละมากๆ แล้วก็จับเอามาเชือดคอ พอไก่ตายแล้ว ก็ต้ม น้ำร้อนลวก นำมาถอนขนเสร็จ แล้วก็นำออกไปขายกัน ตั้งแต่ นั้นมาราวปีพ.ศ.๒๕๒๖ พ่อก็เริ่มทำบาปทำกรรมโดยการฆ่าไก่ ให้แม่นำเอาไปขายที่ตลาด ในหมู่บ้าน ตอนแรก เห็นพ่อฆ่า เพียงวันละ ๒๐ หรือ ๓๐ ตัว หากวันใด เป็นงานบุญ งานบ้าน ผู้คนเขาก็จะมาสั่งซื้อ ทีละมากๆ วิธีฆ่าไก่ของพ่อคือ พอพ่อจับไก่ขึ้นมาได้ ก็จะเอามีดคมๆ เชือดไปที่คอของไก่นั้น พอ ไก่โดนเชือดคอ คอของไก่ ก็จะกลาย เป็นแผลเหวอะหวะ แล้วเลือดของมันก็จะพุ่ง กระฉูดออกมา เสร็จแล้ว พ่อก็จะวางไก่ลง มันจะยังไม่ตายทันที มันจะวิ่งวนๆ เลือดของมันก็จะไหลออกมาจากลำคอตลอดเวลา มัน วิ่งวนอยู่สักพัก แล้วมันก็จะล้มลง เนื้อตัวของมันก็จะสั่นพั่บๆ ตอนนี้มันจะได้รับความเจ็บปวด จากบาดแผล ที่พ่อเอามีด ไปเชือดคอ ไก่ดิ้นทุรนทุรายชักกระตุก ไปได้สักพัก จนกระทั่ง มันถึงแก่ความตาย ตุ๊ กเห็นพ่อฆ่าไก่ให้แม่ขายอยู่หลายปี ไก่ต้องมาตายลงตัวแล้วตัวเล่า พ่อกับแม่ฆ่าไก่ขาย จนฐานะ ทางครอบครัว ดีขึ้นมาเรื่อยๆ มีเงินซื้อที่ดินปลูกบ้าน เป็นของตัวเอง โดยไม่ต้องไปเช่า ที่ดินเขาอีกต่อไป ระยะหลังๆนี้ ถึงแม้ว่าพ่อกับแม่จะยึดอาชีพฆ่าไก่ขาย แต่หากมีงานบุญท่านก็ชอบไปทำบุญ ให้ทาน ไปฟังเทศน์ ฟังธรรม อยู่เป็นประจำเสมอมา มีอยู่คราวหนึ่ง พ่อกับแม่ได้ยินพระเทศนาว่า " การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเป็นการทำผิดศีล ข้อปาณาติบาต มันเป็นบาป เป็นกรรม เป็นเวร เป็นภัย วิบากกรรมมันมี เดี๋ยวมันจะย้อนรอย ถอยหลัง มาหาเราได้ ในภายหลังนะ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาชีพฆ่าสัตว์ แล้วเอาเลือด เอาเนื้อ เอาชีวิตของเขามาขายอยู่ขายกินนี้ มันคือ อาชีพของ คนบาป ถึง แม้ว่าเราจะร่ำรวยมั่งมี เงินทองก็ได้มาจากกองเลือด กองเนื้อของสัตว์ ที่เกิดมาร่วมโลก เดียวกัน เป็นเสมือนเพื่อนที่ร่วมเกิด ร่วมแก่ ร่วมเจ็บและร่วมตายด้วยกัน ฉะนั้น บาปกรรมที่เรากระทำ เอาไว้นั้น มันก็จะเป็น เสมือนเงา ที่ติดตามตัวเราไป ทุกย่างก้าวเลยทีเดียวล่ะ" หลังจากที่พ่อกับแม่ได้ฟังธรรมมาอย่างนั้น ท่านทั้งสองก็เกิดความเกรงกลัวต่อบาป ที่เคยฆ่าไก่ ขายมา นับจำนวนไม่ถ้วน จึงหันหน้าปรึกษาหารือกันว่า "เราควรเลิกขายไก่ หันหลังให้กับอาชีพ ที่เป็นบาป เป็นกรรม นี้เสียที" แล้วพ่อกับแม่ก็เลิกอาชีพฆ่าไก่ขาย ตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๕๓๗ เป็นต้นมา รวมเวลาที่พ่อกับแม่ ยึดอาชีพ ฆ่าไก่ขาย ร่วม ๑๐ ปีทีเดียว ตุ๊ กหลังจากเรียนหนังสือจบออกมา ก็ไปเรียนเป็นช่างเสริมสวยต่อ พอเรียนจบหลักสูตร ก็เลยแยกบ้าน กับพ่อแม่ มาเปิดเป็นร้านเสริมสวย อยู่ใกล้ๆ กับบ้านพ่อแม่ ส่วน พ่อกับแม่และน้องๆ ก็หันมาประกอบอาชีพซื้อขายของเก่า จำพวกเศษเหล็ก เศษกระดาษ ขวดเปล่า ฯลฯ เรียกว่า หลีกออกจากการทำอาชีพ ที่มีมือเปื้อนเลือด เปื้อนเนื้อ ของเขาได้ จวบ จนถึงปี พ.ศ.๒๕๔๓ เจ้าบุญนายบาปหรือเจ้ากรรมนายเวร ที่พ่อเคยก่อเคยสร้างกรรม โดยการฆ่าไก่ มาก่อน แล้วมากมาย เขาก็ได้มาทวงถาม เอาความเจ็บปวด และความตายของเขากลับคืนมา ในคืนหนึ่งของปีนั้น พ่อนอนหลับ แล้วฝันไปว่า พ่อ พบกับฝูงไก่จำนวนมากมายมหาศาล พากันมาเดิน เพ่นพ่าน อยู่ใต้ถุนบ้าน ส่งเสียงร้องเจี๊ยวจ้าวไปหมด พ่อเลยเดินลงจากบนบ้านมาดู พอไก่เหล่านั้น เห็นหน้าพ่อ เท่านั้น มันก็มุ่งตรงเข้ามาจิกตี ตามร่างกาย จนพ่อได้รับความเจ็บปวด ตามร่างกายไปหมด พ่อตกใจกลัว เลยสะดุ้งตื่นขึ้นมา จากฝันร้ายนั้น ตอนเช้า พ่อก็ได้นำเอาเรื่องฝันนั้น มาเล่าให้แม่และลูกๆฟัง พอแม่ฟังจบก็เลยพูดปลอบใจไปว่า "ฝันร้าย มันจะกลายเป็นดี พ่อทำใจให้สบายเถอะ ไม่มีอะไรหรอก" พอถึงปลายปีนั้น พ่อก็บ่นบอกว่า รู้สึกเจ็บที่โคนลิ้น ดูแล้วเป็นแผลเล็กๆ เท่านั้น แต่พ่อบอกว่า มันเจ็บ ปวดมาก ตอนแรก ตุ๊กก็คิดว่าพ่อร้อนใน ปากเปื่อย ลิ้นแตกธรรมดา ก็ เลยไปหาซื้อยา มาให้พ่อกินและทา พ่อกินยาที่ตุ๊กหาซื้อมาให้ได้สักระยะ อาการเจ็บแผลที่โคนลิ้นก็ไม่ดีขึ้นมาเลย ตุ๊กคิดว่า ยามันคงจะไม่ถูก กับโรคแน่ เลยชวนพ่อไปหาหมอ ที่โรงพยาบาล แต่พ่อก็บอกว่า "มันเป็นเอง เดี๋ยวมันก็จะหายเองหรอกน่า" ปล่อย ไว้นานวันเข้า อาการเจ็บแผลทวีคูณความเจ็บปวดยิ่งขึ้น ตุ๊กจึงชวนพ่อไปหาหมอ ที่โรงพยาบาล อีกครั้ง คราวนี้ พ่อคงเจ็บปวดมาก จึงยอมไปหาหมอโดยดี หมอ ตรวจดูอาการแล้วเป็นที่เรียบร้อย ได้ตัดเอาเนื้อตรงที่เป็นแผลนั้นไปวิจัยหาโรค หลังจากนั้น หมอก็สั่ง ให้กลับบ้านก่อน สักหนึ่งอาทิตย์ค่อยกลับมาฟังผล อาทิตย์หนึ่งผ่านไป ตุ๊กและบรรดาญาติๆ พาคุณพ่อไปพบกับหมออีกครั้ง คุณหมอบอกว่า "พ่อเป็น มะเร็งร้าย จะต้องผ่าตัด เอาเนื้อร้ายตรงที่เป็นมะเร็งนั้นออก ถึงจะมีโอกาสหายจากโรคร้ายได้" ตุ๊กได้ยินว่า คุณพ่อเป็นมะเร็ง ตกใจแทบช๊อค นึกไม่ถึงว่าพ่อจะโชคร้ายถึงเพียงนี้ พอหายตกใจ ก็ถามพ่อว่า "พ่อตกใจไหม" พ่อบอกว่า"ตกใจ!" แต่พ่อก็ไม่แสดงออกมาทางสีหน้า ให้แม่และลูกๆ เห็นเลย หลัง จากนั้นหมอก็นัดวันผ่าตัด พอถึงวันหมอนัด คุณหมอสั่งให้งดกินอาหารแต่เช้า ทุกชนิด พ่อเข้าสู่ ห้องผ่าตัด เวลาจากบ่าย ๓ โมง จวบจน ๕ โมงเย็น การผ่าตัดจึงเสร็จสิ้นลงหมอเอาคุณพ่อออกมาจากห้องผ่าตัด พอตุ๊กเห็นสภาพของพ่อ ในตอนแรก รู้สึกเสียวแปล๊บ ที่หัวใจ ทันทีเลย เพราะ ตอนที่พ่อยังไม่ผ่าตัด พ่อเป็นคนแข็งแรง เหมือนคนธรรมดาทั่วไป แต่พอพ่อ ผ่าตัดเสร็จ พ่อกลายเป็น คนละคนไปเลย คือเห็นสายยางให้น้ำเกลือ สายยางช่วยหายใจ ดูมันระโยงระยาง เต็มไปหมด และที่สำคัญ.. ลำคอของพ่อโดนหมอเอามีดมาผ่า ตัดเอาเนื้อมะเร็งร้ายออก ตุ๊กเห็นตอนแรก จิตก็หวน คิดไปถึง สภาพของไก่ ที่พ่อเคยเอามีดเชือดคอมันมามากมาย วิบากกรรม ที่พ่อเคยทำเอาไว้ บัดนี้ คงถึงเวลา ที่พ่อต้องโดนเขา เอามีดมาเชือดคอ คืนบ้างแล้ว เมื่อ พ่อผ่าตัดเอาเนื้อมะเร็งร้ายออกมาแล้ว ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ศูนย์ขอนแก่นอีก ๓ อาทิตย์ จากนั้น หมอก็ส่งตัวไปรักษาต่อ ที่ศูนย์มะเร็งอุดร จ.อุดรธานี การ ไปรักษาที่ศูนย์มะเร็งแห่งนี้ หมอได้รักษาโดยวิธีฉายแสงให้กับคุณพ่อ นาน ๒ เดือนกว่าๆ อาการป่วย ของคุณพ่อ ดีขึ้นมาเรื่อยๆ หมอเลยอนุญาตให้กลับมาพักที่บ้านได้ คุณพ่อกลับมาพักอยู่ที่บ้านได้ประมาณ ๒ อาทิตย์ อาการเจ็บที่คอก็กำเริบขึ้นมาอีก พวกญาติๆ เลยพาพ่อ กลับไป หาหมอ ที่ศูนย์มะเร็งที่จังหวัดอุดรอีก หมอ เลยฉายแสงต่ออีก ๑ เดือน สภาพร่างกายของพ่อ ตอนนี้ ผ่ายผอมมาก รอยฉายแสง ที่ลำคอดำแห้ง ผิวหนังไหม้เกรียมจะกินข้าว กินน้ำ ก็แสนลำบาก กินได้ ก็จำพวก ข้าวต้ม นำมาบดให้ละเอียดที่สุด หรือไม่ก็ จำพวกอาหารเสริม อาการ เจ็บปวดและทรมานของคุณพ่อ เกิดจากแผล และหายใจก็ไม่ค่อยจะออก มันเหมือนมีอะไร มาอุดตัน ที่ลำคอ ยามใดที่พ่อเจ็บปวด เพราะเชื้อมะเร็งร้ายทำพิษ มันจะเจ็บจะปวดไปถึง หัวสมอง เลยทีเดียว ตุ๊ กเห็นแล้ว ก็อดสงสาร ในชะตากรรมของพ่อไม่ได้ คุณตุ๊กตาพูดมาถึงตอนนี้ ผู้เขียนเห็นเธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ถึงกับร้องไห้ ปล่อยให้น้ำตา ไหลนอง เต็มใบหน้า อย่างไม่อายผู้เขียนเลย เธอ ร้องไห้สะอื้นอยู่นาน จนกระทั่ง เธอทำใจให้หายโศกเศร้าได้แล้ว ก็พูดต่อไปว่า ยามใดที่พ่อเจ็บปวด เพราะเชื้อมะเร็งร้าย จะเจ็บเข้าไปถึงสมอง ตุ๊กเห็นพ่อ เอามือกุมหัว เจ็บปวดมาก จนน้ำตาพ่อไหล ปกติ พ่อจะเป็นคนอดทนมาก และเก็บความรู้สึกได้ดี เพราะพ่อเคยเป็นคนจน คนจนเป็นคนอดทน และ ทนอดได้ดี แต่ทว่าคราวนี้ พ่อเจ็บปวด และทรมานมาก พ่อกัดฟันแน่น แล้วกำกำปั้น เอาไว้สุดแรง ร่างกาย สั่นสะท้านไปทั้งตัว ยาม ใดที่พ่อมีอาการเจ็บแบบนี้ ก็ดูคล้ายๆไก่ที่พ่อจับเอามีดมาเชือดคอใหม่ๆ มันจะดิ้นทุรน ทุราย ด้วยความเจ็บปวด สักพัก ร่างของมัน ก็จะสั่นพั่บๆ แล้วก็ขาดใจตายไป ตุ๊กสงสารในชะตากรรมของพ่อ ไม่รู้จะแบ่งเบาในความเจ็บปวดของพ่อได้อย่างไร เลยนึกถึงพระ ถึงเจ้า จึงจุดธูป แล้วตั้งจิตอธิษฐานไปว่า " ข้าแต่เจ้ากรรมนายเวร หากพ่อของตุ๊กได้ล่วงเกินท่าน ด้วยกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ขอท่านได้โปรดอโหสิกรรมให้แก่พ่อของตุ๊กด้วยเถิด ขอให้พ่อหายวันหายคืน และ อย่าให้พ่อ ต้องมาเจ็บปวด และ ทรมานแบบนี้เลย" ใน คืนนั้น ตุ๊กนอนหลับแล้วฝันไปว่า ตุ๊กได้พบกับฝูงไก่จำนวนมาก พอมันเห็นตุ๊ก ก็พากันล้อมหน้า ล้อมหลัง แล้วตุ๊กก็ได้ยิน คล้ายๆเสียงของคน พูดขึ้นมาว่า " ตุ๊กเอ๊ย...เจ้าขอชีวิตของพ่อเอาไว้ ขอไม่ได้หรอก เพราะพ่อเขาทำกรรมเอาไว้มากมายเหลือเกิน ถึงอย่างไร เขาก็จะต้อง ตายแน่นอน รอแต่ว่าเขาจะได้รับวิบากกรรม อีกนานเท่าไหร่เท่านั้น พ่อเจ้าเจ็บป่วย ได้รับ ความทุกขเวทนา ในหนนี้ เขาป่วยด้วยโรคกรรมโรคเวร ที่พ่อเจ้าก่อขึ้นมานั้นเอง" พอ ตอนเช้าตุ๊กก็เอาความฝันประหลาดนั้น มาเล่าสู่พ่อและแม่ฟัง พ่อฟังแล้วก็ได้แต่สงบนิ่ง พ่อคง จะยอมรับ ผลวิบากกรรม ที่พ่อเคยก่อกรรม ทำเข็ญกับไก่ เอาไว้มากมายนั้นเองแล้วตั้งแต่วันนั้นมา ก็น่าแปลก คือ ในตอนกลางวัน อาการเจ็บปวดทรมานที่แผล จะไม่เจ็บ ไม่ปวด อะไรเลย แต่พอตกกลางคืน พ่อจะได้รับความเจ็บปวดเป็นอันมาก เรียกว่า แทบจะไม่ได้ หลับนอนเลย เมื่อ รู้ว่าพ่อจะไม่รอดแน่ ตุ๊กเลยไปซื้อหนังสือธรรมะ เกี่ยวกับเรื่องกฎแห่งกรรม เอามาอ่าน ให้พ่อฟัง อยู่เสมอ พ่อก็ตั้งใจฟั งทุกเรื่องด้วยดี คุณ พ่อทนเจ็บ ทนปวด ทนทุกข์ทรมานด้วยโรคมะเร็งร้ายนี้ อยู่ปีกว่าๆ คือจากปลายปี ๒๕๔๓ จวบจน มาถึง วันที่ ๒๓ มกราคมของปี พ.ศ.๒๕๔๕ ผลวิบากกรรมของพ่อ ที่เคยทำไว้ คงจะชดใช้ หนี้กรรมแก่กัน หมดแล้ว พ่อก็ได้สิ้นใจตาย ในบ่ายของวันนั้นเอง คุณศรีเวียง เวียงนนท์ หรือคุณตุ๊กตา กล่าวทิ้งท้ายกับผู้เขียนในที่สุด -------------------------------------------------------------------- ก่อนจากผู้เขียนขอคัดเอาบทธรรม อันเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อฝากเป็นคติเตือนใจไว้ จากพระไตรปิฏกเล่มที่ ๑๕ "ปิยะสูตรที่ ๔ " ข้อที่ ๓๓๖ ใจความว่า บุคคลพึงรู้ว่าตนนั้นเป็นที่รัก ไม่พึงกระทำบาป เพราะว่า ความสุขไม่เป็นผลที่ผู้ทำชั่ว จะพึงได้โดยง่าย เพราะผู้มาเกิดแล้ว จะต้องตายในโลกนี้ หากทำกรรมใดไว้เป็นบุญและบาป จะเป็นสมบัติของเขา เขาจะพาเอาไป จะติดตามเขาไป ประดุจเงาติดตามตัว ฉะนั้นบุญทั้งหลาย ย่อมเป็นที่พึ่งแก่ชนทั้งหลายในโลกนี้และโลกหน้า - ก่อแก่น - (สารอโศก อันดับที่ ๒๕๕ เดือน ธันวาคม ๒๕๔๕) ---------------------------------------------------------------------- |