หัวข้อ: หญิงชราถูกปล้น เริ่มหัวข้อโดย: ka1 ที่ ธันวาคม 07, 2009, 12:54:58 AM (http://img6.imageshack.us/img6/1019/79340762.jpg)
หญิงชราถูกปล้น หญิงชราชาวลาวโซ่งคนหนึ่ง ได้มาหาหลวงพ่อเล่าว่า นางเคยเป็นชาวจังหวัดนครปฐม ได้อพยพไปทำมาหากินอยู่ที่จังหวัดพิจิตร เมื่อนางจะเดินทางไปอยู่จังหวัดพิจิตรนั้น ได้เคยมาหาหลวงพ่อขอพระเครื่องไปคุ้มครององค์หนึ่ง นางก็เก็บติดตัวเสมอ ก่อนนอนก็สวดมนต์ระลึกถึงหลวงพ่ออยู่เสมอไม่ขาด คราวหนึ่งถูกโจรปล้นบ้าน นางหนีไม่พ้น แต่มีสติดีระลึกถึงหลวงพ่อ แล้วก้มหน้าลงกราบหลวงพ่อมือกำพระเครื่องหลวงพ่อไว้แน่น ฟุบหน้าลงกับพื้น นึกเหมือนว่านั่งหมอบกราบหลวงพ่ออยู่ตรงหน้ากุฏิหลวงพ่อ หลับตามองเห็นหลวงพ่อนั่งเคี้ยวหมากอยู่ตรงหน้า ฝ่ายพวกโจรก็ค้นบ้านโครมครามอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อไม่ได้ของมีค่าอะไรก็เตรียมกลับไป ได้ยินเสียงมันบ่นว่า "นี่เจ้าของบ้านมันไปไหนหมด ?" แล้วมันก็ลงเรือนเงียบหายไป น่าประหลาดก็คือ วันรุ่งขึ้น มันกลับมาเอาเชี่ยนหมากที่มันถือติดมือไป เอามาโยนทิ้งคืนไว้ที่หน้าบ้านด้วย หลวงพ่อฟังหญิงชราคนนั้นเล่าจบแล้ว ก็ตอบว่า "ศรัทธา ความยึดมั่นถือมั่น โดยระลึกถึงคุณพระด้วยความเชื่อมั่น คุณพระจึงบันดาลให้โจรมองไม่เห็นโยม เมื่อมันกลับไปเห็นว่าในเชี่ยนหมากไม่มีเงินทอง มันก็เลยเอามาคืนให้..." หลวงพ่อเงินเล่า เรื่องทั้งหมดที่เล่าประกอบเรื่องพระเครื่องของหลวงพ่อเงินนั้น เป็นเรื่องของคนอื่น ซึ่งมีตัวตนอยู่จริง จึงขออนุญาตออกชื่อไว้ให้ปรากฏเป็นหลักฐานสำหรับผู้สนใจจะได้ทราบข้อเท็จจริงต่อไป ไม่ใช่เรื่องโฆษณาขายพระเครื่องหรือโฆษณาชวนเชื่อชื่อเสียงของหลวงพ่อเงิน เพราะบัดนี้หลวงพ่อเงินก็ล่วงลับดับขันธ์ไปแล้ว ตั้งแต่ พ.ศ.2519 นับจนถึงปีที่เขียนเรื่องนี้ พ.ศ.2529 ก็ 10 ปีเต็มแล้ว จึงไม่ได้เขียนเพื่อประโยชน์อย่างอื่นตามที่บางท่านอาจจะสงสัย แต่ผู้เขียนขอเล่าเรื่องที่หลวงพ่อเล่าให้ฟังสักเรื่องหนึ่ง คือเมื่อประมาณ ปีพ.ศ.2516 หลวงพ่อเงินได้รับกิจนิมนต์ไปนั่งเป็นประธานในงานผูกพัทธสีมาวัดลาดเป้ง ผู้เขียนเรื่องนี้ได้นั่งรถยนต์กลับจากจังหวัดนครปฐมกับหลวงพ่อในระหว่างนั่งอยู่ในรถยนต์ด้วยกันตอนเบาะท้ายรถ หลวงพ่อก็เล่าให้ฟังในฐานะครูอาจารย์กับลูกศิษย์ หลวงพ่อเล่าว่า คราวหนึ่งได้นั่งแท็กซี่ไปจังหวัดลพบุรี ไปด้วยกัน 2 คัน หลวงพ่อนั่งคันหลัง คนที่ไปด้วยนั่งคันหน้า แล่นไปในระหว่างทางเวลากลางคืน ก็ถูกคนร้ายดักปล้นจี้แท็กซี่ เมื่อไม่ยอมให้เงินมัน มันก็ยิงเอา 2-3 นัด คนที่ถูกยิงก็สลบไป คือตกใจจนสลบไม่ได้สติ หลวงพ่อนั่งไปคันหลังจึงส่งกระแสจิตไปช่วยคุ้มครอง รถคันหน้าแล่นหนีไป มาถึงรถหลวงพ่อ มันไม่ยิง เพราะมันเห็นเป็นพระภิกษุนั่งอยู่ มันก็ไม่ยิง เมื่อพ้นอันตรายแล้ว คนขับก็หยุดดูอาการของคนที่ถูกปล้นแล้วถูกโจรยิง เขาฟื้นสติขึ้นมา ลุกขึ้นลูกปืนก็หลุดออกมาจากรักแร้ ในเสื้อผ้า 3 ลูก แต่ไม่เข้า ไม่มีบาดแผลที่ไหนเลยมีแต่ลูกปืน 3 ลูก หลวงพ่อเล่าแล้วก็หัวร่อ ผู้เขียนก็ได้แต่นั่งฟัง ผู้เขียนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เพราะผู้เขียนเชื่อศีลธรรม คุณธรรมของหลวงพ่อ หลวงพ่อทรงศีลทรงคุณธรรม อยู่เต็มตัว จะคุยเรื่องโกหกหลอกลวงให้ฟังทำไม เพื่อประโยชน์อะไรเล่า ? แต่เสียดายที่ไม่ได้ถามชื่อผู้ถูกปล้นผู้ถูกยิงว่าชื่ออะไร อยู่ที่ไหน ดูเหมือนจะบอกชื่อให้ฟังด้วย แต่ผู้เขียนมัวฉงนเสีย ไม่ได้จดจำไว้ คือเชื่อสนิทใจจนไม่สงสัยถึงแก่จะต้องจดชื่อไว้สอบถามเขาภายหลัง นึกได้ว่าคือ คุณอรุณี สุจริตจิตต์ ภรรยาของคุณวัฒนา สุจริตจิตต์ อดีตนายอำเภอซึ่งเคยเป็นครูของข้าพเจ้า ***************************************************** |