หัวข้อ: เชื้อซาโมเนลล่ากลายพันธุ์ดื้อยายอดนร.ป่วยทะลุ500 เริ่มหัวข้อโดย: ka1 ที่ กรกฎาคม 11, 2012, 07:32:05 AM เชื้อซาโมเนลล่ากลายพันธุ์ดื้อยายอดนร.ป่วยทะลุ500
อาการท้องเสียรุนแรงที่เกิดขึ้นกับนักเรียนโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชียงใหม่หลายร้อยคนตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมายังไม่คลี่คลาย ล่าสุดยังคงมีนักเรียนมีอาการท้องเสีย มีไข้ และความดันต่ำถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขล่าสุดในช่วงเช้าวันที่ 11 ก.ค. มีนักเรียนท้องเสียถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 500 คน ในจำนวนนี้แพทย์ให้กลับไปพักรักษาตัวที่หอพักในโรงเรียนแล้ว 367 คน ส่วนอีก 127 คนยังอยู่ในความดูแลของแพทย์กระจายไปใน 9 โรงพยาบาล ทุกรายอยู่ในภาวะโลหิตเป็นพิษและต้องให้ยาปฏิชีวินะชนิดรุนแรงในการรักษา โดยมีนักเรียนหญิงวัย 17 ปี 1 ราย ที่มีอาการช็อคเนื่องจากเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดค่อนข้างรุนแรงและความดันต่ำมาก แพทย์ต้องดูแลใกล้ชิดในห้องไอซียูโรง พยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ นพ.วัฒนา กาญจนกามล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แถลงว่า จากการเพาะเชื้อยืนยันแล้วว่าสาเหตุของอาการท้องเสียมาจากเชื้อซาโมเนลล่าซึ่งเป็นเชื้อบิดชนิดหนึ่งและพบว่าเป็นเชื้อชนิดรุนแรงและดื้อต่อยา คาดว่ามาจากยาปฏิชีวนะที่ผสมในอาหารไก่และปนเปื้อนเข้าไปในไข่ผ่านอุจจาระของไก่ที่เปื้อนติดแผงไข่ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าโดยปกติจะมีเชื้อซาโมเนลล่าปะปนอยู่ประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์ของแผงไข่ทั้งหมด ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นจากไข่แก้บนที่มีการบริจาคทั้งหมด 10,000 ใบ ทำให้คาดว่าจะมีเชื้อปะปนอยู่ประมาน 20 แผงหรือไข่ 300 ฟอง ภาวะการดื้อยาของเชื้อชนิดนี้ทำให้มีผู้ป่วยรายเก่าที่กลับมาโรงเรียนป่วยซ้ำในอาการเดิมอีก 26 คนซึ่งในจำนวนนี้ต้องถูกนำส่งโรงพยาบาลเป็นครั้งที่สองจำนวน 9 คน สถานการณ์โรคครั้งนี้ แม้จะพ้นระยะฟักตัว 72 ชั่วโมงไปแล้ว แต่ในโรงเรียนจะมีกลุ่มนักเรียนที่มีเชื้อติดตัวไปอีก 3 เดือน และจะมีนักเรียนทยอยป่วยไปอีกระยะจากการติดต่อจากคนสู่คน โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ สสจ.เชียงใหม่ จะเข้าไปตัดตอนระบบวงจรเพื่อให้เชื้อหมดไปโดยเร็วที่สุด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ย้ำว่าถึงแม้อุบัติการณ์ของโรคที่เกิดขึ้นจะมีผู้ป่วยกว่า 500 คน และเชื้อซาโมเนลล่ายังพบทั่วไปในอุจจาระไก่ แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นโรคระบาดอันตรายกับประชาชนทั่วไป เพียงแต่ในการรับประทานไข่ต้องทำให้ต้องสุก ส่วนไข่ต้มหากต้มแล้วยังไม่กินควรเก็บในตู้เย็นเพราะหากอยู่ในอุณหภูมิห้องหรืออากาศร้อน เชื้อที่มีอยู่มีโอกาสที่จะเติบโตได้ย่างรวดเร็วจนเป็นอันตรายกับผู้บริโภคได้ ที่มา: เนชั่นทันข่าว --------------------------------- |