Username:

Password:



  • หน้าแรก
  • ช่วยเหลือ
  • ค้นหา
  • ปฏิทิน
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
  • กลับหน้าร้านค้าออนไลน์
หน้าร้านดีดี บอร์ด พระเกจิอาจารย์ พระคาถา ตู้พระธรรมเถระเจ้า (ผู้ดูแล: ka1, pong, jacky, okay) 1.ประวัติพระรัฐปาลเถระ
หน้า: [1]   ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
ส่งหัวข้อนี้พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: 1.ประวัติพระรัฐปาลเถระ  (อ่าน 3751 ครั้ง)
jacky
Global Moderator
Full Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 249


1.ประวัติพระรัฐปาลเถระ
« เมื่อ: เมษายน 20, 2010, 10:26:17 PM »

1.ประวัติพระรัฐปาลเถระ

ประวัติพระรัฐปาลเถระ

เอตทัคคมหาสาวกผู้เลิศกว่าพวกภิกษุผู้บวชด้วยศรัทธา

พระรัฐปาลเถระผู้ได้รับการแต่งตั้งจากพระบรมศาสดาให้เป็นยอดของภิกษุทั้งหลายผู้บวชด้วยศรัทธา ก็โดยเหตุ ๒ ประการ คือโดยเป็นผู้ยิ่งด้วยคุณ เพราะท่านแสดงให้ผู้อื่นเห็นเป็นอย่างชัดเจนในคุณข้อนี้ของท่าน ท่านพระรัฐปาละนั้น เมื่อได้ฟังธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้ว ได้มีศรัทธาที่จะบวช กระทำการรอดข้าวถึง ๗ วัน มารดาบิดาจึงยอมอนุญาตให้บวชได้ ไม่เพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นการแต่งตั้งโดยเหตุที่ท่านได้ตั้งความปรารถนาไว้ตลอดแสนกัป ตามเรื่องที่จะกล่าวตามลำดับดังต่อไปดังนี้

ตั้งความปรารถนาไว้ในอดีต
ในกัปแห่งพระปทุมุตตรพระพุทธเจ้า คือหนึ่งแสนกัปนับถอยหลังไปจากกัปปัจจุบัน เวลานั้นอยู่ในช่วงเวลาที่พระปทุมุตรพระพุทธเจ้ายังไม่ทรงอุบัติ พระราหุลเถระ และพระรัฐปาลเถระ เป็นสหายกัน ต่างก็บังเกิดในครอบครัวคฤหบดีในกรุงหงสวดี ไม่มีการกล่าวถึงชื่อและตระกูลของท่านทั้งสองในสมัยนั้น พอท่านเจริญวัยแล้ว ดำรงอยู่ในฆราวาส เมื่อบิดาของแต่ละคนสิ้นชีวิตลง ก็ตรวจดูทรัพย์สินที่ตนได้รับมรดกมา เห็นว่ามีทรัพย์หาประมาณมิได้ จึงคิดว่า บุรพชนของตนทั้งหลายมีปู่ และปู่ทวดเป็นต้น ก็ไม่สามารถนำเอาทรัพย์นี้ไปกับตนได้ ดังนั้นเราจึงควรหาทางนำเอาทรัพย์ที่เรามีอยู่นี้ไปกับเราให้ได้ด้วยอุบายอย่างใดอย่างหนึ่ง คิดดังนั้นแล้วคนทั้ง ๒ นั้นจึงเริ่มให้มหาทานแก่คนกำพร้าและคนเดินทางเป็นต้น ในสถานที่ ๔ แห่ง

สหายทั้งสอง คนหนึ่งเป็นผู้ชอบสอบถามคนที่มาแล้วมาอีกในโรงทานของตน ว่าชอบใจสิ่งใด เป็นต้นว่า ข้าวยาคูและของเคี้ยว แล้วก็ให้สิ่งนั้นแก่ผู้นั้น เพราะเหตุนั้นแล เขาจึงมีชื่อว่า “ผู้กล่าวกะผู้ที่มาแล้ว” อีกคนหนึ่ง ไม่ถามเลย เมื่อมีผู้ถือภาชนะมาเพื่อใส่สิ่งของ ก็ใส่ของที่เขาต้องการให้เต็มแล้วก็ให้ไป ด้วยเหตุนั้นแหละ เขาจึงมีชื่อว่า “ไม่กล่าวกะผู้ที่มาแล้ว”

วันหนึ่งชนทั้ง ๒ นั้นออกไปนอกบ้านแต่เช้าตรู่.ได้พบดาบสผู้มีฤทธิ์มาก ๒ รูป ที่เหาะมาแต่ป่าหิมพานต์ เพื่อภิกขาจร มาลงในที่ที่ไม่ไกลจากที่สหายทั้งสองยืนอยู่ เมื่อดาบสทั้ง ๒ นั้น จัดแจงบริขารมีภาชนะน้ำเต้า เป็นต้นแล้วก็เดินไปตามทางเพื่อภิกขาจาร สหายทั้งสองจึงมาไหว้ใกล้ ๆ ครั้งนั้นดาบส กล่าวกะชนทั้ง ๒ นั้นว่า ท่านผู้มีบุญใหญ่ ท่านมาในเวลาไร ชนทั้ง ๒ นั้นตอบว่า มาเดี๋ยวนี้ขอรับ แล้วรับภาชนะน้ำเต้าจากมือ ของดาบสทั้ง ๒ นั้น นำไปเรือนของตน ๆ แล้วถวายภัตตาหาร ครั้นในเวลาเสร็จภัตรกิจ สหายทั้งสองจึงขอให้ท่านฤๅษีทั้งสองรับปากว่า จะมารับภิกษาจากตนเป็นประจำ.เมื่อจะกระทำอนุโมทนาแก่อุปัฎฐากของตน ก็ให้พรว่า ขอจงสำเร็จเหมือนดังภพปฐวินทรนาคราชเถิด ความที่ท่านกล่าวให้พรดังนี้ด้วยมีเหตุว่า

ดาบสรูปนั้น ท่านเป็นคนมักร้อน เมื่อรู้สึกร้อนก็จะแหวกน้ำในมหาสมุทรออกเป็น ๒ ส่วนด้วยอานุภาพของตน แล้วไปยังภพของปฐวินทรนาคราชเพื่อนั่งพักในตอนกลางวัน ได้แลเห็นสมบัติต่าง ๆ ในภพนาคราชนั้น ครั้นเมื่อพักพอสบายแล้ว จึงกลับมายังโลกมนุษย์ สหายผู้นั้นเมื่อประสงค์จะรู้ความหมายของท่านดาบสที่ให้พรตนอย่างนั้น ในวันหนึ่ง จึงถามดาบสนั้นว่า ท่านผู้เจริญ ท่านกระทำอนุโมทนาว่า จงสำเร็จเหมือนภพปฐวินทรนาคราช คำนี้ท่านหมายความว่าอะไร ดาบสกล่าวว่า ที่เรากล่าวนั้นหมายความว่า ขอให้สมบัติของท่านจงมีเหมือนสมบัติของพระยานาคชื่อว่า ปฐวินทร ตั้งแต่นั้นมา กฎุมพีผู้นั้นก็ตั้งจิตมั่น ปรารถนาอยู่ในภพของพระยานาคชื่อว่า ปฐวินทร.

ส่วนดาบสอีกรูปหนึ่งก็เช่นกัน แต่ไปพักกลางวันยังภพดาวดึงส์ ในเสริสกวิมานที่ว่างเปล่า ดาบสนั้นเที่ยวไปเที่ยวมาในดาวดึงสพิภพนั้นได้แลเห็นสมบัติของท้าวสักกเทวราชว่ามีมากมายและสวยงามเพียงใด เมื่อจะกระทำอนุโมทนาแก่อุปัฏฐากของตน ก็กล่าวว่าสมบัติของท่านจงเป็นเหมือนสักกวิมาน ครั้งนั้น กฎุมพี ก็ถามดาบสนั้นเหมือนอย่างสหายอีกคนหนึ่งถามดาบสอีกท่านหนึ่งนั้น เมื่อได้ฟังเช่นนั้น กุฎุมพีก็ฟังคำของดาบสนั้น จึงตั้งจิตมั่นปรารถนาอยู่ในภพของท้าวสักกะ

ด้วยกุศลแห่งกรรมที่สหายทั้งสองได้บำเพ็ญมา เมื่อทั้งสองสิ้นชีวิตลงแล้ว ต่างก็ได้ไปเกิดในภพที่ตนตั้งจิตปรารถนาไว้นั้น สหายผู้ที่เกิดในภพของปฐวินทรนาคราช ก็มีชื่อว่า ปฐวินทรนาคราชา สหายผู้เกิดเป็นพญานาคราชนั้น เมื่อเห็นสภาพของตนที่เกิดมาในเพศของนาคนั้น ก็เกิดความร้อนใจว่า การเกิดของเราอยู่ในฐานะที่ไม่น่าพอใจหนอ ที่นี้เป็นที่ต้องเลื้อยไปด้วยท้อง เห็นทีดาบสที่ให้พรเราเช่นนั้น คงจะไม่รู้ที่อื่น ๆ ที่ดีกว่าเป็นแน่แท้

ส่วนสหายอีกท่านหนึ่งก็ไปเกิดเป็นท้าวสักกะในภพดาวดึงส์ ต่อมาก็ถึงเวลาที่ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ที่มีหน้าที่จะต้องไปเฝ้าท้าวสักกเทวราชทุก ๆกึ่งเดือน ปฐวินทรนาคราชานั้นก็ต้องไปเฝ้าท้าวสักกะพร้อมกับพระยานาคชื่อวิรูปักษ์ด้วย จึงได้กลายเพศเป็นมาณพน้อย แล้วไปเข้าเฝ้าท้าวสักกเทวราชทุกกึ่งเดือน

ในเวลาที่ท่านได้เข้าเฝ้าท้าวสักกเทวราช ท้าวสักกะเห็นพระยานาคนั้นก็จำได้ว่าเป็นสหายเก่า จึงถามพระยานาคนั้นว่า สหาย ท่านไปเกิดที่ไหน พระยานาคกล่าวว่า ท่านมหาราช อย่าถามเลย ข้าพเจ้าไปเกิดในที่ที่ต้องเลื้อยไปด้วยท้อง ส่วนท่านได้อยู่ในที่ที่ดีแล้ว ท่านสักกะตรัสว่า สหาย ท่านอย่าวิตกเลยว่าเกิดในที่ไม่สมควร พระทศพลพระนามว่า ปทุมุตตระทรงบังเกิดในโลกแล้ว ท่านจงกระทำกุศลกรรมแด่พระองค์นั้นแล้วปรารถนาฐานะนี้เถิด เราทั้ง ๒ จักอยู่ร่วมกันเป็นสุข พระยานาคนั้นกล่าวว่า เทวะ ข้าพเจ้าจักกระทำอย่างนั้น แล้วจึงไปนิมนต์พระปทุมุตตระทศพล พร้อมกับจัดแจงเครื่องสักการะสัมมานะเพื่อเตรียมถวายพระศาสดาและเหล่าพระภิกษุตลอดคืนยันรุ่ง กับนาคบริษัทในภพนาคของตน

วันรุ่งขึ้น เมื่อรุ่งอรุณ พระศาสดาตรัสเรียกพระสุมนเถระ ผู้อุปัฏฐากของพระองค์ว่า สุมนะ วันนี้ตถาคตจักไปภิกษาจาร ณ ที่ไกล ภิกษุปุถุชนนั้นไม่สามารถไปด้วย จงไปแต่พระผู้บรรลุปฏิสัมภิทา ผู้มีอภิญญา ๖ เถิด พระเถระสดับพระดำรัสของพระศาสดาแล้ว แจ้งแก่ภิกษุทั้งปวง ภิกษุทั้งหมดผู้มีอภิญญาประมาณแสนหนึ่งได้เหาะไปพร้อมกับพระศาสดา พระยานาคปฐวินทรกับนาคบริษัทที่มารับเสด็จพระทศพล แลดูพระภิกษุสงฆ์ที่ล้อมพระศาสดาซึ่งกำลังเสด็จมา แลเห็นพระศาสดาอยู่เบื้องต้น พระสงฆ์นวกะจนถึงสามเณรชื่ออุปเรวตะผู้เป็นโอรสของพระตถาคตอยู่ท้าย จึงเกิดปีติปราโมทย์ว่า การที่พระสาวกทั้งหลายที่เป็นพระภิกษุได้แสดงอานุภาพเห็นปานนี้ยังไม่น่าอัศจรรย์ แต่อานุภาพแห่งสามเณรองค์เล็กนี้ช่างน่าอัศจรรย์เหลือเกินดังนี้.

ครั้นเมื่อพระทศพลประทับนั่งที่ภพของพระยานาคนั้นแล้ว พระภิกษุทั้งหลายก็นั่งเรียงกันตามลำดับอาวุโส พระยานาคเมื่อถวายข้าวยาคูก็ดี เมื่อถวายของเคี้ยวก็ดี แลดูพระทศพลทีหนึ่ง ดูสามเณรอุปเรวตะทีหนึ่ง นัยว่ามหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ ในสรีระของสามเณรนั้นย่อมปรากฏเสมือนพระพุทธเจ้า ก็สงสัยว่าเป็นอะไรกันหนอ จึงถามภิกษุรูปหนึ่งผู้นั่งไม่ไกลว่า ท่านเจ้าข้า สามเณรรูปนี้เป็นอะไรกับพระทศพล ภิกษุนั้นตอบว่า มหาบพิตร สามเณรรูปนั้นเป็นโอรสของพระพุทธองค์.

ปฐวินทรนาคราชจึงดำริว่า สามเณรรูปนี้ใหญ่หนอ จึงได้ความเป็นโอรสของพระตถาคตผู้สง่างามเห็นปานนี้ แม้สรีระของท่านก็ปรากฏเสมือนพระสรีระของพระพุทธเจ้าโดยส่วนเดียว แม้ตัวเราก็ควรเป็นอย่างนี้ในอนาคตกาล จึงถวายมหาทาน ๗ วัน แล้วกระทำความปรารถนาว่า พระเจ้าข้า ข้าพระองค์พึงเป็นโอรสของพระพุทธเจ้า พระองค์หนึ่งในอนาคตเหมือนอุปเรวตะสามเณรนี้ ด้วยอานุภาพแห่งกุศลกรรมนี้ พระศาสดาทรงเห็นว่า หาอันตรายมิได้ จึงทรงพยากรณ์ว่า ในอนาคตมหาบพิตรจักเป็นโอรสแห่งพระพุทธเจ้า พระนามว่าโคตมะ ดังนี้แล้วเสด็จกลับไป.

ส่วนปฐวินทรนาคราช เมื่อถึงกึ่งเดือนอีกครั้งหนึ่งก็ไปเฝ้าท้าวสักกะกับพระยานาคชื่อวิรูปักษ์อีก คราวนี้ท้าวสักกะตรัสถาม พระยานาคนั้นผู้มายืนอยู่ในที่ใกล้ว่า สหาย ท่านกระทำมหาทานเพื่อปรารถนาเทวโลกนี้แล้วหรือ

ปฐวินทรนาคราช ตอบว่า ข้าพเจ้ามิได้ปรารถนาเทวโลกนี้ดอกเพื่อน

ท้าวสักกะ ท่านเห็นโทษอะไร เล่า?

ปฐวินทรนาคราช โทษไม่มีมหาราช แต่ข้าพเจ้าเห็นสามเณรอุปเรวตะโอรสของพระทศพล ตั้งแต่ข้าพเจ้าได้เห็นสามเณรนั้นก็มิได้น้อมจิตไปในที่อื่น ข้าพเจ้านั้นกระทำความปรารถนาว่าในอนาคตกาล ขอข้าพเจ้าพึงเป็นโอรสเช่นนี้ของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ข้าแต่มหาราช แม้พระองค์ก็จงกระทำความปรารถนาอย่างหนึ่งเถิด เราทั้ง ๒ จักไม่พรากกันในที่ ๆ เกิดแล้ว

ท้าวสักกะรับคำของพระยานาคนั้นแล้ว ต่อมาวันหนึ่งเห็นภิกษุผู้มีอานุภาพมากรูปหนึ่ง จึงนึกว่า กุลบุตรนี้ออกบวชจากสกุลไหนหนอดังนี้ ทราบว่ากุลบุตรผู้นี้เป็น บุตรของสกุลผู้สามารถสมานรัฐที่แตกแยกกันแล้ว กระทำการอดอาหารถึง ๑๔ วันเพื่อให้มารดาบิดาอนุญาตให้บรรพชาแล้วจึงได้บวช

ครั้นทราบแล้วจึงกระทำมหาสักการะ ๗ วันต่อพระทศพล แล้วกระทำความปรารถนาว่า พระเจ้าข้า ด้วยผลแห่งกัลยาณกรรมนั้น ข้าพระองค์พึงเป็นยอดของเหล่าภิกษุ ผู้บวชด้วยศรัทธาในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต เหมือนอย่างกุลบุตรผู้นี้ในศาสนาของพระองค์เถิด พระศาสดา ทรงเห็นความปรารถนาหาอันตรายมิได้ จึงพยากรณ์ว่า มหาบพิตร พระองค์จักเป็นยอดของเหล่าภิกษุผู้บวชด้วยศรัทธาในศาสนาของ พระพุทธเจ้าพระนามว่า โคตมะ ในอนาคตแล้วเสด็จกลับไป ฝ่าย ท้าวสักกะก็เสด็จกลับไปยังเทพบุรีของพระองค์ตามเดิม.

เมื่อหมดอายุขัยแล้ว ก็ท่องเที่ยวไปในภูมิเทวดาและภูมิมนุษย์ทั้งหลาย วนเวียนอยู่เช่นนั้นตลอดแสนกัป

******************
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
ส่งหัวข้อนี้พิมพ์
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.10 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
Nt-Sun Theme by N a t i
กำลังโหลด...