ฤษีรุ่นแรกของหลวงปู่เปลี้ย คุณสมฺปนฺโน
วัดชอนสารเดช ลพบุรี


ฤษีชอนสารเดชของหลวงปู่เปลี้ย
ทำได้ 2,990 องค์ ในพระฤษีเนื้อปกติ ส่วนเนื้อพิเศษมีเส้นเกศาได้จำนวน 363 องค์ แต่ทั้งสองเนื้อบรรจุจีวรไว้ทุกองค์
ทำเป็นพระฤษีพิมพ์ใหญ่สัดส่วนประมาณฤษีอริยธาตุแต่เข่ากว้างกว่า ดูน่าเกรงขาม และเฮี้ยน ถ้าเลี่ยมกรอบพลาสติกจะแบน
และบางกว่าฤษีอริยธาตุ แขวนแล้วไม่ตุงที่อกเสื้อถือเป็นพัฒนาการของฤษีอีกก้าวหนึ่ง
ยังมีพระฤษีพิมพ์เล็กอีก 144 องค์ กับพระปิดตา 106 องค์ ซึ่งไม่มีให้บูชาเพราะว่าจำนวนน้อยเกินไป แค่แจกก็แทบไม่พอเสียแล้ว
จึงไม่นำรูปลงตีพิมพ์ให้กิเลสแตกยอดอ่อน
พระฤษีทั้งหมดถวายไว้สำหรับคนไปขอรับเองที่วัดชอนสารเดชเป็นส่วนใหญ่ และเผื่อให้ผู้ไม่สะดวกกับการเดินทางได้ติดต่อทางไปรษณีย์ราว ๆ 700 องค์
พระฤษีเนื้อพิเศษมีเส้นเกศา องค์ละ 500 บาท
พระฤษีเนื้อธรรมดา องค์ละ 300 บาท
จริง ๆ แล้วมวลสารของทั้งเนื้อพิเศษกับธรรมดาเหมือนกันทุกประการ ต่างแค่เนื้อพิเศษเพิ่มสัดส่วนของผงพระธาตุพนม พระธาตุท่าอุเทน และผงเจดีย์บ้านคูเมือง (สมัยทวาราวดี) ให้มากขึ้นกว่าธรรมดา เพื่อให้องค์พระฤษีออกประกายแดง จะทำให้แยกเนื้อจากกันได้ง่ายขึ้น
เนื้อพิเศษปั๊มตรายางรูปตัวอุณาโลมไว้ที่ผ้าสังฆาฏิด้านหลังและยันต์ตรายางของหลวงปู่เปลี้ยไว้ที่ใต้ฐาน
ส่วนเนื้อธรรมดามีเฉพาะตรายางใต้ฐาน ไม่มีอุณาโลมที่ผ้าสังฆาฏิด้านหลัง
ทั้งสองเนื้อมีมวลสารที่ทัดเทียมกัน ไม่มีเนื้อใดเหนือกว่ากันหรอกครับ
เป็นแต่เพียงเนื้อพิเศษนั้นสำหรับคนแพ้เส้นเกศา
คือเห็นเกศาแล้วดื่มด่ำเป็นพิเศษ
พระฤษีชอนสารเดชสร้างเป็นครั้งแรกสำหรับหลวงปู่เปลี้ย วัดชอนสารเดช ได้ฤกษ์เสกตลอดคืนยันรุ่งแจ้งของวันที่ 9 พฤศจิกายน 2539
ท่านพูดเป็นนัยก่อนเสกว่า
"สมัยนี้เขาทำของขลังกันง่ายไป สมัยก่อนต้องเสกแล้วเสกอีก เอาไปลองดูยังไม่ขลังต้องมาเสกกันใหม่ บางทีเสกเป็นปี รึแม้แต่อาจารย์รูปเดียวกันก็ยังทำของให้ขลังได้ไม่เท่ากัน บางรุ่นขลัง บางรุ่นไม่ขลัง"
ขณะที่ท่านพิจารณารูปองค์พระฤษีตัวอย่างที่ถวายให้ท่านได้เห็นก่อนเสกเพื่อ หมายให้ท่านรู้ว่าท่านกำลังจะเสกอะไร มีภาพถ่ายที่ปรากฏแสงประหลาดที่ไม่ทราบว่าเป็นอะไร
จะบังเอิญหรือจะเกิดความผิดพลาดทางเทคนิคถ่ายภาพก็ไม่ทราบ
เสียดายแต่ภาพนั้นองค์หลวงปู่หันหลัง และบังพระฤษีตัวอย่างในมือที่ท่านกำลังพิจารณาอย่างสนใจ
ไม่นึกมาก่อนว่าแสงประหลาดจะมาเกิดใกล้ตัวเราเองบ้าง
อย่าไปฟุ้งซ่านเลยครับ จะเป็นอะไรก็ช่างเถิด
รู้สึกออกจะแปลกเท่านั้น
ทีมนำพระฤษีชอนสารเดชไปถวายหลวงปู่เปลี้ยเสกในวันที่ 9 มีอาจารย์เบิ้ม มีผม มีคุณพิชย และคุณณรงค์ กับคุณทวีพร ทองคำใบ ที่กำลังดังใหญ่เพราะเป็นคนออกแบบวาดภาพแสตมป์ชุดกาญจนาภิเษกที่เรียกว่า แสตมป์ยาวที่สุดในประเทศไทย ขาดแต่คุณอภิรักษ์ จุฬาสินนท์ ที่ต้องเล่นบทเข้าโยง เพราะแม่บ้านไปทัวร์เชียงใหม่ทำให้มาไม่ได้ แต่ก็กดมือถือถามข่าวตลอดระยะ
เสกพระเมื่อไหร่จึงจะรวมทีมกันที
หลังจากยกกล่องพระฤษีเข้าวางตรงหัวนอนหลวงปู่ตามที่ท่านกำชับถึง 2 ครั้งว่า ตรงหัวนอนนะ เราก็ลาท่านไปกินสเต็กที่มวกเหล็กสเต็กเฮ้าส์ แล้วไปนอนสระบุรีอินน์ที่แก่งคอย
พอรุ่งขึ้นวันที่ 10 ก็บึ่งเข้าวัดอีกครั้งหนึ่งโดยมี ไมค์ ไทสัน กับ อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ ให้ลุ้นด้วย
คุณพิชยออเซาะหลวงปู่ว่าไมค์ ไทสัน นี่มันเก่ง ชนะใคร ๆหมด ไม่มีใครสู้ได้
ท่านก็ว่า เออ, ให้มันรู้จักแพ้ซะบ้าง
คนหน้าจอทีวีเลยได้เฮกันลั่น เมื่อโฮลีฟิลด์น็อคไมค์ ไทสันแบบหมดสภาพ
อาจารย์เบิ้มบอกฤกษ์ฤษีชอนสารเดชนี้ดี เป็นฤกษ์ของชัยชนะชัดชัด
ทุกสิ่งทุกอย่างดูรื่นเริงหมด
มีคำพูดเดียวที่ทำให้ซึม
หลวงปู่ปรารภ
“ฉันอยากอยู่เงียบ ๆ ไม่อยากมีชื่อเสียง ฉันมันหมดสภาพแล้ว”
จำเอาไว้
หลวงปู่เปลี้ย คุณสมฺปนฺโน เสียขามา 71 ปี ท่านอยู่ในอิริยาบถนั่งกับนอน ท่านชราภาพมากแล้ว
ใครไปนมัสการท่านก็ทำแต่พอควร อย่ากวนท่านให้เหนื่อยเกินไป จะเป็นบาปไม่รู้ตัว
ถ้าท่านเทศน์ก็ให้ตั้งใจฟัง
นั่นเป็นบุญมาก
อาจารย์เบิ้มถึงแก่ยกมือไหว้ท่วมหัว อุทานว่า ท่านพูดจาภาษาธรรม เหมือนหลวงปู่โต๊ะผู้เป็นอาจารย์ของตนจริง ๆ
น้ำตาก็พาลจะไหล และกล่าวกับผมว่า
“คนเห็นท่านแต่เปลือกนอกว่าเป็นคนง่อยเปลี้ยเสียขา จนลืมไปว่าเพชรแท้ ๆ นั้นยังมีอยู่เม็ดหนึ่งที่วัดชอนสารเดช”
เพชรแท้ !!!?
-------------------------