ชงเว้นภาษีแบตเตอรี่-คริสตัลหนุนส่งออก

ชงเว้นภาษีแบตเตอรี่-คริสตัลหนุนส่งออก

คมชัดลึก : สรรพสามิตเตรียมยกเว้นภาษีแบตเตอรี่-แก้วคริสตัลให้ผู้ส่งออก ชี้เสียรายได้ไม่มากแต่ช่วยให้เอกชนแข่งขันได้ ส่วนพรมคงไม่ยกเว้น อ้างส่วนใหญ่นำเข้าและเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย

นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพสามิตส่งเรื่องมาที่กระทรวงการคลังในการยกเว้นการเก็บภาษีแบตเตอรี่ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออกให้สามารถแข่งขันได้ โดยในหลักการจะยกเว้นให้แบตเตอรี่ที่อยู่ในสินค้าต่างๆ ที่ส่งออก เช่น มือถือ นาฬิกา ตุ๊กตา เป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่อยู่ในรายการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต จากเดิมที่จัดเก็บในอัตรา 10% หากกระทรวงการคลังนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็จะออกเป็นประกาศกระทรวงได้ทันที

"มองว่าการยกเว้นภาษีดังกล่าวกระทบรายได้ของกรมไม่มากนัก เพราะจากที่จัดเก็บภาษีจากแบตเตอรี่อยู่ประมาณปีละ 1,400 ล้านบาท มีส่วนที่ส่งออกไม่มากนัก เพราะส่วนที่ผลิตและใช้ในประเทศยังคงจัดเก็บภาษีตามปกติ และส่วนใหญ่ได้ภาษีจากแบตเตอรี่รถยนต์มากที่สุด" นายอารีพงศ์กล่าว

ส่วนรายการสินค้าที่กำลังพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบการในแนวทางเดียวกันคือ แก้วคริสตัล ที่ใช้ทำเป็นเครื่องประดับส่งออก ซึ่งจัดเก็บภาษีแต่ละปีไม่มากประมาณ 70 ล้านบาทเท่านั้น การยกเว้นภาษีดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยมีต้นทุนถูกลง สามารถแข่งขันได้และเป็นการสนับสนุนให้มีการส่งออกมากขึ้น

"แม้กรมสรรพสามิตจะมีรายการสินค้า 20 ชนิดที่ต้องจัดเก็บภาษี แต่ฐานรายได้ส่วนใหญ่จะมาจาก 5 รายการสินค้าหลักคือ น้ำมัน รถยนต์ เบียร์ ยาสูบ และสุรา ภาษีตัวอื่นๆ จึงต้องมาดูว่าจะมีแนวทางดำเนินการอย่างไร อย่างภาษีบางตัวก็ต้องดูให้มีความเป็นธรรม เช่น เครื่องดื่ม หากเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มีสารเกินกว่ามาตรฐานกำหนดก็ต้องเสียภาษี สินค้าที่ออกมาใหม่ต้องไปดูว่ามีการเสียภาษีถูกต้องหรือไม่" นายอารีพงศ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสินค้าพรมคงยกเว้นไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ ถือเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ต่อไปอาจจะนำไปพิจารณารวมกับภาษีสิ่งแวดล้อมที่กำลังจะมีมาตรการออกมา โดยอาจจะดูเป็นแพ็กเกจว่าสินค้าตัวใดเข้าข่ายทำลายสิ่งแวดล้อมก็จัดเก็บไปในทิศทางเดียวกัน

***********************************************************