แม้วอัดยุติธรรมไทยไม่เหลืออะไรแล้ว

แม้วอัดยุติธรรมไทยไม่เหลืออะไรแล้ว

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าว ในรายการทอลค์อะราวเดอะเวิลด์ ถึงกรณีคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า หลังจากที่ศาลฎีกาฯได้มีคำพิพากษาคดีของตนไปแล้ว ตนมานั่งดูแล้วพบว่ามีข้อขัดแย้งกับข้อเท็จจริงในหลายประเด็น โดยเฉพาะข้อกล่าวว่าตนมาเป็นนายกฯแล้ว ทำให้ราคาหุ้นของตระกูลชินวัตรมีราคาเพิ่มขึ้น ซึ่งความจริงราคาที่มีการปรับตัวสูงขึ้นนั้น ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกตลาดหลักทรัพย์ ข้อกล่าวหาต่างๆ ที่มีการกล่าวหาตนมา ตนอยากยืนยันได้ว่าสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นได้จากตัวเลขที่ปรากฎออกมา ดังนั้นตนมีคิดเห็นว่าคำพิพากษาที่ออกมานั้นผู้พิพากษาคงจะไม่ได้เป็นคนเขียนคำพิพากษา เพราะถึงได้มีการขัดแย้ง เนื่องจากไม่ได้มีการวิเคราะห์ อยู่ๆ ก็ปั้นขึ้นมาว่าคืนให้มันไปเท่านี้ก่อนที่มาเป็นนายกฯ ถ้ามาเป็นนายกฯแล้วจะต้องยึดกลับมาให้หมด และนี่คือโผ ซึ่งสุดท้ายแล้วจึงจะต้องไปหาเรื่องว่าจะทำอย่างไรให้ให้มันไปตามโผ

" ไม่เป็นไรครับ มันเป็นเรื่องที่ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร วันนี้บ้านเมืองเรานักกฎหมาย นักยุติธรรม มันไม่เหลือแล้ว ทำตามคำสั่งอย่างเดียว ดังนั้นอย่างที่ผมเคยได้พูดเอาไว้แล้วว่า มันจะต้องสู้กันต่อไป เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้มองให้เห็นว่าศาลไม่เป็นปกติ เพราะตัวอย่างศาลคดีอาญามีหลักอย่างชัดเจนเอาไว้ว่าจะต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลย แต่ปรากฎว่าที่นี่กลับยกความสงสัยเอามาลงโทษ ซึ่งตรงกันข้ามกันเลย อีกทั้งก่อนที่จะมีการพิพากษาผู้พิพากษาจะต้องดูว่าคุณความดีอะไรบ้าง ซึ่งตรงนี้คุณความดีก็มองกันไม่เห็น มีแต่มองหากันอย่างเดียวว่าตรงไหนจะเอาคืนมาได้ สิ่งนี่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาเลย ดังนั้นนี่คือประวัติศาสตร์ของการยุติธรรมไทยและการเมืองของไทย และเป็นประวัติศาสตร์ของการแทรกแซงระบบอย่างเห็นได้ชัด " พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

ที่มาเนชั่น

*****************************