คาถาบูชาสมเด็จองค์ปฐม+++นะโม กาเยนะ วาจายะ เจตะสา วา วะชิรัง นามะ ปะฏิมังอิทธิธรรมะปาฏิหาริยะกะรัง
สมเด็จพ่อองค์ปฐมต้นพุทธะรูปัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวาอะหัง วันทามิ สัพพะโส สะทา โสตถี ภะวันตุ เม+++
---------------------------------------------------------
คาถาแผ่เมตตาขอบารมีสมเด็จองค์ปฐมสวดอย่างน้อย 9 จบ อย่างมากตลอดเวลา
นะโมพระพุทธสิกขีพระพุทธเจ้าขอได้โปรดดลบันตาลให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก
ได้หลุดพ้นจากภัยพิบัติวัฏฏสงสารโดยสิ้นเชิง ด้วยพระบารมีมิอาจประมาณ
ลูกขอนอบน้อมนมัสการด้วยจิตใจ ขอให้ลูกมีจิตสะอาดสว่างใสหลุดพ้นไซร้สู่บ้านนิพพานเทอญ สัมปะจิตฉามิ
-------------------------------------------------
คุณประโยชน์ของการอุทิศส่วนกุศลแผ่เมตตาจิตให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก
ไปกับฉัพพรรณรังสี รัศมี 6 ประการขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์แรกเริ่มมีดังนี้
1. โปรดช่วยสรรพสัตว์ได้ แดนเปรต อสุรกาย มนุษย์โลกสัตว์ทั้งที่มีชีวิตและเป็นภูมิผีวิญญาณเร่ร่อน
แผ่ไปทั่วเทวโลก พรหมโลกได้รับโมทนาบุญกับเรา การแผ่เมตตา แผ่ส่วนกุศลไปยังสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก
รวมถึงเจ้ากรรมนายเวร จงทำทุกวัน จงตัดเวรตัดกรรม ให้อโหสิกรรมต่อกัน ยกเป็นอภัยทานถวายพระพุทธเจ้า
ถ้าเราโกรธตอบจะเพิ่มภพชาติให้เกิดมาใช้หนี้เวรกรรมกันอีก
2. สวดด้วยจิตศรัทธาแท้ เทพ พรหมรักใคร่ สรรเสริญเมตตาติดตามรักษาเราให้อยู่เย็นเป็นสุข
3. สวดตลอดเวลา คิดปรารถนาสิ่งใดก็สมหวัง
4. สวดตลอดเวลาจิตเป็นสมาธิ ภาวนาจิตไม่ฟุ้งซ่าน จิตสะอาดปราศจากนิวรณ์
5. จิตสะอาดสว่างไสว จิตหลุดพ้นจากการหลงยึดติดในขันธ์ 5 จิตเป็นจิตประภัสสรเป็น
จิตพระอริยบุคคลได้ง่าย เพราะเป็นจิตที่มีเมตตา เคารพบูชาพระรัตนตรัยมองเห็นภัยในวัฏฏสงสาร
เป็นจิตฉลาดไม่มีอวิชชาเป็นจิตที่มีพระนิพพานเป็นกรรมฐานได้ 8 กรรมฐาน คือ
1) พุทธานุสสติกรรมฐาน
2) ธรรมนุสสติกรรมฐาน
3) สังฆานุสสติกรรมฐาน
4) พรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
5) อุปสมานุสสติกรรมฐานนึกถึงความดียิ่งของพระนิพพาน
6. เป็นการอโหสิกรรมซึ่งกันและกันตัดเวรตัดกรรม ยกเป็นอภัยทาน ถวายพระพุทธเจ้า ถ้าเจ้าโกรธก็เป็นการเพิ่มภพเพิ่มชาติ
7. การอุทิศแผ่กุศลไปยังสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก จงทำทุก ๆ วันละอย่างน้อยสวด 9 จบ
ช่วยทั้งคนทั้งผี ทั้งสัตว์โลก สัตว์นรก ช่วยเทพเทวดา มีโอกาสโมทนากับพวกเราด้วย
8. พระคาถาสวดพระนามพระพุทธเจ้านี้พระท่านให้ไว้แก่มวลมนุษย์มาจากเบื้องบนพระนิพพาน
ให้สวดทุกวันเพื่อช่วยมวลเวไนยสัตว์ และตนเองก็หลุดพ้นจากนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน
ไม่ต้องได้เกิดในแหล่งอบายภูมิ 4 อย่างนี้ เป็นการเสริมบารมีให้แก่ตนและผู้อื่น
9. การแผ่พลังจิตให้เป็นพลังไปรอบทิศจักรวาลทั้ง 3 โลกนั้น ทำจิตให้ว่างจากขันธ์ 5 ว่างจากกิเลสตัณหา
ทำบุญกุศลทุกอย่างขอถวายทางจิตให้องค์สมเด็จพระบรมครูพระพุทธเจ้าโปรดโมทนาบุญกุศลทุก ๆ
พระองค์เพื่อประโยชน์สูงสุดแด่มวลสรรพสัตว์ทุกจิตดวงธรรมญาณได้รับผลบุญที่ลูกแผ่ไปให้ทุกดวงจิตธรรมญาณเทอญ
การขอแรงพลังจิตขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นการขอแรงคลื่นวิทยุของท่านผู้เป็นใหญ่บุญบารมีใหญ่ช่วยอีกแรงหนึ่ง
เพื่อให้สรรพสัตว์ 3 โลก ได้ยินคลื่นวิทยุได้ดียิ่งขึ้นจิตของสัตว์อบายภูมิน้อยนักที่จะได้รับได้ยินเหมือนคนตาบอด
แต่ถ้าเขาโมทนายินดีรับกับการอุทิศบุญกุศลแผ่เมตตาไปให้กับเขา ก็ทำให้เขาเป็นสุขพ้นทุกข์จากอบายภูมิได้ทุกคน
เราต้องทำจิตให้สะอาดทำจิตว่างจากขันธ์ 5 ปล่อยพลังจิตไปทั่วรอบทิศจักรวาล
10. สวดพระคาถาพระนามองค์สมเด็จพระปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าฝากบุญกุศลไว้กับท่านท้าวยมราชได้แน่นอน
โปรดสัตว์ได้ทั่วทั้ง 3 ไตรภพแล้วแต่จะกำหนดจิตโปรดได้หมดทุกประเภท ทั้งชาติกำเนิด 4 คือ
(เกิดในไข่ เกิดในคูตเกิดเป็นตัว เกิดขึ้นเอง เช่น ผี เทพ พรหม ) ภูมิวิถี 6 คือ
1) สัตว์นรก
2) เปรต
3) อสุรกาย
4) สัตว์เดรัจฉาน
5) คน
6) เทวดา พรหม
โปรดสัตว์ได้ตามวาระจิตของวิญญาณใดถึงพร้อมย่อมสามารถเข้าถึงสุขติภูมิ คือ สวรรค์ และคนชั้นสูง
มีความสุขตามฐานะกฎของกรรมต่าง ๆ ที่คอยกีดกั้นขวางงาน เป็นเมตตาบารมี กฎของกรรมก็ตามไม่ทันเพราะบุญใหญ่
เวลาการบำเพ็ญบารมีของแต่ละท่านก็แตกต่างกันคือ พระสาวกภูมิต้องบำเพ็ญบารมีนาน 1 อสงไขยกับแสนกัป
พระอัครสาวก ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 2 อสงไขยกับแสนกัป พระปัจเจกพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 2 อสงไขย
กับแสนกัปพระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 4 อสงไขยกับแสนกัป พระพุทธเจ้าศรัทธาธิ
กะต้องบำเพ็ญบารมีนาน 8 อสงไขยกับแสนกัป พระพุทธเจ้าวิริยะธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 16 อสงไขยกับแสนกัป
(คาถาแผ่เมตตาขอบารมีสมเด็จองค์ปฐมและอานิสงค์การสวดคาถาแผ่เมตตานี้ได้มาจากท่านพระยายมราช)
ทั้งหมดนี้ผมคัดลอกมาอีกทีครับ
-------------------------------------------