ชีวะประวัติ หลวงปู่ทิม อตฺตสนฺโต 4/4

ชีวะประวัติ หลวงปู่ทิม อตฺตสนฺโต 4/4
หลวงพ่อท่านก็พูดขึ้นว่า
พ่อของดยมที่ได้ตายไปแล้วนั้น บัดนี้ เข้าได้ไปเกิดเป็นมนุษย์แล้วอยู่แถวๆบ้านโยมนั่นแหละ ส่วนสามีของโยมอีกคนนั้น เข้ายังไม่ได้ ไปผุดไปเกิดยังอยู่ใช้เวรกรรมที่เขาได้ทำไว้หญิงม่ายผู้นั้นได้ถามต่ออีกว่า เหตุที่เขาไม่ได้ไปผุดไปเกิดนั้นสามีของดิฉันเขาได้สร้างเวรสร้างกรรมอะไรไว้หรือ หลวงพ่อสดท่านตอบว่า เหตุที่สามีของโยมที่ยังไม่ได้ไปเกิดนั้น เป้นเพราะเขาได้ทำกรรมไว้มาก คือ เมื่อตอนเขายังมีชีวิตอยู่ เมื่อตอนเข้ายังหนุ่มได้ไปฆ่าเขา ไว้ เวรกรรมอันนี้แหละที่ทำให้สามีของโยมไม่ได้ไปผุดไปเกิด ยังตกอยู่ในนรกอเวจีอีกนาน เหตุการณ์ที่หลวงปู่ท่านเล่าให้ฟัง นับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากที่ หลวงพ่อแห่งวัดปากน้ำ ท่านสมารถหยั่งรู้และก็สามารถเห็นในเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนคงจะเป้นเพราะว่าหลวงพ่อท่านสามารถกระทำ จิตเป็นสมาธิ โดยนั่งวิปัสสนากรรมฐานและภาวนาสำเร็จถึงขั้นสุดยอด จึงสามารถมองเห็นเรื่องราวในอดีตได้เหมือนกับหลวงปู่วัดพระขาวเหมือนกัน เพราะ ข้าพเจ้าเคยแกล้งลองใจถาม หลวงปู่ว่า "หลวงปู่นั่งสวดมนต์ภาวนากลางคืนดึกๆดื่นๆ เป็นประจำหลวงปู่เคยเห็นตัวเลขอะไรๆบ้างไหม" หลวงปู่ตอบ ด้วยความโมโหว่า "เห็นแต่บอกไม่ได้" แล้วหลวงปู่ท่านก็แจงให้เข้าใจว่า ถ้าฉันบอกให้แกไปถูก ทางโน้นเขาเป็นฝ่ายเสียเงิน ฉันก็ผิดที่ทำให้เขาเสียเงิน ถ้าฉัน บอกให้แกไปผิดๆ ทำให้แกเสียเงิน ฉันก็ผิดอีกมันไม่ดีถ้าจะเอาดีทางนี้ล่ะก็มันดีไม่นาน หวังว่าทุกๆคนที่ชอบเรื่องแบบนี้คงเข้าใจในความหมายของหลวงปู่ท่านดี
ต่อมาหลวงปู่ท่านได้พาสามเณรไปฝากเรียนพระปริยัติธรรมกับหลวงพ่อสด แห่งวัดปากน้ำนี้ ๑ รูปซึ่งปัจจุบันนี้สอบเป็นมหาได้แล้ว คือ ท่านมหายุ้ย แห่งวัดเขาวัง จ.ราชบุรี ต่อจากนั้นหลวงปู่ได้เดินทางไปศึกษากรรมฐานกับอาจารย์จู อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี อาจารย์จูท่านสามารถนั่งสมาธิเจริญ
กรรมฐานเห็นอะไรๆได้ทุกอย่าง
ครั้งสุดท้ายหลวงปู่ท่านได้ออกเดินทางไปยังสำนักเขาวงกฏ บ้านหมี่ ลพบุรี ซึ่งเป็นสำนักวิปัสสนากรรมฐานที่มีชื่อเสียงและใหญ่มากในสมัยนั้น การเดิน ทางไปแต่ละครั้งๆ นั้นแสนยากและก็ลำบากใจมากด้วยเหตุที่ว่า หลวงปู่ท่านไม่จับปัจจัย และก็ไม่มีลูกศิษย์ที่จะติดตามไปด้วย ต้องอาศัยให้คนที่รู้จักกันนำ ปัจจับไปฝากไว้ตามร้านอาหาร เพื่อให้ช่วยจัดการและช่วยซื้อตั๋วให้เป็นค่าโดยสารรถ และเรือที่ๆหลวงปู่ท่านจะเดินทางไปยังสถานที่นั้นๆ หลวงปู่ท่านเล่าให้ฟังว่า และก็นึกถึงอยู่เสมอร้านอาหารที่หลวงปู่เข้าไปฉันอาหาร เมื่อรู้ว่าหลวงปู่ท่านไม่จับปัจจัยก็ไม่ยอมคิดค่าอาหารจะถวายให้หลวงปู่เสมอ ฉะนั้นเงินที่ฉันให้เขามาฝาก ไว้นั้น ฉันก็ไม่เอาคืนเหมือนกัน ยกให้หมดเลย ขอเพียงแต่ท่านช่วยซื้อตั๋วส่งลงเรือให้กลับวัดได้ ก็พอแล้วนับว่าหลวงปู่ท่านประพฤติและปฏิบัติได้ลำเลิศจริงๆ และเป็นผู้ที่ชอบค้นคว้าแสวงหาธรรมะอย่างจริงจังและจริงใจมาก จัดว่เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ลำเลิศในแนวทาง "สมาธิ-ภาวนา และเมตตา" อันสูงส่งยิ่ง ในปัจจุบันนี้ ยากนักที่จักหาไหนเสมอเหมือน พร้อมไปด้วยพระพุทธคุณ พระะรรมคุณ และพระสงฆ์คุณประพฤติปฏิบัติตามรอยพระบาทของสมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้วัตถุมงคล ของหลวงปู่แต่ละชิ้นที่หลวงปู่ได้สร้างขึ้นมาแต่ละรุ่นเป็นพันๆเหรียญ ที่ได้แจกให้กับญาติโยมและลูกศิษย์ลูกหา ในงานทอดผ้าป่าแต่ละปีๆเป็นที่นิยมชชอบของนักสะสมวัตถุมงคลเป็นอย่างมากดังจะ ชี้แจงให้ทราบกันดังต่อไปนี้
ปี พ.ศ.๒๕๑๘ หลวงปู่ได้สร้างเหรียญเป็นครั้งแรกเพื่อเป็นของชำร่วยในการจัดทอดผ้าป่าสามัคคี ๒๕๑๘ กองๆละ ๑๘ บาทสร้างจำนวนพระประธาน ในอุโบสถ ด้านหลังเป็นรูปของหลวงปู่นั่งสมาธิ โดยให้พระอุปัชฌาย์ของหลวงปู่เป้นผู้ทำพิธีพุทธาภิเษกก่อน(หลวงพ่อสังข์) ต่อมาทุกๆปี หลวงปู่จะจัดทอดผ้าป่า สามัคคีขึ้น ปีละ ๑๐,๐๐๐ (หนึ่งหมื่น) กองๆละ ๑๐ บาท เรื่อยมา ของชำร่วยที่แจกจ่ายจะเป็นเหรียญทั้งสิ้น ส่วนแบบพิมพ์นั้นก็จะเปลี่ยนออกไปทุกๆปี จะ มีอยู่ปีหนึ่ง ใช้เหรียญพิมพ์รุ่นแรกมาสร้างขึ้นอีกหนหนึ่ง จำนวนหนึ่งหมื่นพันเหรียญ จึงยากนักแก่บรรดานักนิยมเหรียญรุ่นต่างๆ ของหลวงปู่ที่จะยึด ถือว่าเป็นรุ่นแรก นอกจากผู้ที่เข้าได้รับด้วยตนเองเท่านั้น ประมาณ ปี ๒๕๒๒ หลวงปู่จะสร้างเป็นพระพิมพ์หลวงพ่อรอดอยู่หนหนึง
ในปี พ.ศ.๒๕๒๗ ศิษยานุศิษย์ ได้ขออนุญาตหลวงปู่สร้างรูปหล่อเหมือน หน้าตัก ๕ นิ้ว เนื้อทองเหลืงขัดัน สร้างจำนวน ๒๐๙ องค์ และพระกริ่งรูปเหมือนของหลวงปู่ หน้าตัก ๑ นิ้ว จำนวน ๑๐๙๐ องค์ และล๊อกเกตรูปของหลวงปู่ สำหรับวัตถุมงคลของหลวงปู่ท่านทั้งหมดนี้ หลวงปู่จะเป็นผู้พุทธาภิเษกเองทั้งหมด ผู้เขียนเคยถามหลวงปู่ว่าวัตถุมงคลของหลวงปู่ส่วนมาก จะลงในทางเมตตาและแคล้วคลาดให้เป็นสำคัญ จะได้ไม่เจ็บตัว ถ้าถึง คราวคับขันก็ใช้ได้ในทางคงกระพัน
หลวงปู่มักจะสอนให้ทุกๆคนนับถือ คุณพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งประจำใจ และให้คิดถึงความตายเป็นอารมณ์ ถ้าผู้ใดระลึกไว้เสมอ ก็จะปราศจากทุกข์โศก มีแต่ความสุข คำสอนของหลวงปู่ จะผูกเป็นนิทานและเป็นคติ แล้วก็จะสอดแทรกธรรมะน่าฟังสนุกไม่รู้จักเบื่อหน่ายเลย หลวงปู่เป็นนักแสดงธรรมะที่ยอดเยี่ยม มาก แสดงธรรมได้นุ่มนวลละเอียดอ่อน และน่าฟังยิ่งนัก ทุกวันพระเมื่มีการทำบุญบนศาลาการเปรียญทุกๆครั้ง หลวงปู่ท่านจะขึ้นธรรมมาสแล้วแสดงธรรม ให้ประชาชนชาวพุทธศาสนา ที่ได้มาบำเพ็ญบุญฟังเป็นประจำไม่เคยขาด โบราณท่านเคยกล่าวเอาไว้ว่าเมื่อทำบุญแล้ว ได้สดับฟังพระธรรมเทศนาก็จะได้ กุศลอย่างมหาศาลเลยทีเดียว เมื่อตายไปก็จะไปสู่สวรรค์ การประพฤติและปฏิบัติของหลวงปู่เยี่ยมมากตั้งแต่หลวงปู่บวชมาจนถึงปัจจุบันนี้ หลวงปู่จะไห้ว พระและสวดมนต์ภาวนา ในเวลาดึกๆ ก่อนจะเข้านอนเป็นประจำไม่เคยขาด
หลวงปู่จะกราบพระถึง ๕ ครั้งเป็นประจำเสมอ "กราบครั้งที่ ๑ ระลึกถึงคุณพระพุทธ , กราบครั้งที่ ๒ ระลึกถึงคุณพระธรรม กราบครั้งที่ ๓ ระลึกถึงคุณ พระสงฆ์ กราบครั้งที่ ๔ ระลึกถึงคุณบิดา-มารดา และปู่ ย่า ตา ยาย กราบครั้งที่ ๕ ระลึกถึงคุณ ครูบาอาจารย์ และผู้มีพระคุณ" เสร็จแล้วก็จะระลึกนึกถึงชาติภูมิของ องค์สมเด้จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อนที่จะมาเป็น
พระศาสดา คือ "พระเจ้าสิบชาติ" อันได้ พระเตมีราช , พระชนก , พระสุวรรณสาม , พระเนมิราช , พระมโหสถ , พระภูริทัต , พระจันทร , พระนารอท ,พระวิฑูรย์บัณฑิตย์ และชาติสุดท้าย คือ พระเวสสันดรและหลวงปู่จะใช้ภาวนาเป็นประจำอยู่เสมอหรือที่เรียกว่า หัวใจพระเจ้าสิบชาติ (เต-ชะ-สุ-เน-มะ-ภู-จะ-นา-วิ-เว)
ในปัจจุบันชื่อเสียงของหลวงปู่ได้ดังโด่ง "ขจรขจาย" ไปทุกภาคของประเทศไทยก็ว่าได้ และที่ยิ่งไปกว่านี้แม้แต่ชาวต่างชาติที่เป็นบ้านใก้ลเรือนเคียงของ ประเทศเรา ไม่ว่าจะเป็น "สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง ไต้หวัน รวมทั้งคนไทยในอเมริกา ฯลฯ " ก็ยังรู้จักและได้ยินชื่อเสียงของท่านเลย ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ ก็เนื่องมาจาก "ทานบารมีแห่งความเมตตา" ที่หลวงปู่ได้อนุเคราะห์แผ่เมตตาให้แก่ญาติโยมทั้งหลายโดยแท้จริง แม้ว่าในปี พ.ศ.๒๕๔๐ นี้ หลวงปู่จะมีอายุ "ครบ ๗ รอบ ๘๔ ปี" แล้วก็ตามที อีกทั้ง "สังขาร" ของท่านก็ร่วงโรยไปตามกาลเวลาของอายุก็จริงอยู่ แต่ หลวงปู่ท่านไม่เคยบอกปัดหรือปฏิเสธกิจนิมนต์สักครั้งเลยครับ ท่านคิดอยู่เสมอว่า "ใครอยากนิมนต์ท่านไปไหนมาไหนนั้น ถ้าท่านไปแล้วทำให้เจ้าของงาน เกิดความสุขกาย สบายใจล่ะก้อ ท่านไปให้หมดทุกครั้งโดยไม่มีการเลือกชั้นวรรณะเจ้าของงานแต่อย่างไร"น้อยครั้งจริงๆ ที่หลวงปู่ไม่ได้ไปตามเวลา ของกิจนิมนต์ เนื่องจากเกิดเหตุสุดวิสัยจริงๆ อาทิเช่นท่านไม่สบายหรือมีกิจนิมนต์ติดพันจนเดินทางไปไม่ทันเวลาของงาน
ทุกวันนี้ หลวงปู่มีกิจนิมนต์ไม่เคยว่างเว้นสักวันเดียว ในแต่ละวันนั้หลวงปู่ต้องเดินทางไปทำพิธีในงานต่างๆ มากมาย อาทิเช่น "จุดเทียน บ้าง เป็นประธานในการนั่งปรกบ้าง ไปทำพิธีขึ้นบ้านใหม่บ้าง ไปเจิมป้ายขึ้นห้างร้านใหม่บ้าง หรือรับกิจนิมนต์ไปฉันเช้าบ้าง ฉันเพลที่บ้านญาติโยมบ้าง รวมทั้งยังมีกิจนิมนต์อีกร้อยแปดพันอย่างีกมากมาย" เป็นต้น
**********************************จบ********************************************