“โค้ก-กระทิงแดง-ไทยเบฟ” เปิดศึกปีเสือลุยฟังก์ชันนั

“โค้ก-กระทิงแดง-ไทยเบฟ” เปิดศึกปีเสือลุยฟังก์ชันนัลดริงก์

สามยักษ์ใหญ่ “โค้ก-กระทิงแดง-ไทยเบฟฯ” จ่อลงสมรภูมิฟังก์ชันนัลดริงก์ปีขาล ตบเท้าปั้นเครื่องดื่มแบรนด์ใหม่ เร่งยึดหัวหาดฉวยผู้บริโภคยังไม่มีแบรนด์รอยัลตี้ เปิดศึกชิงบัลลังก์ช่วงตลาดบูมมูลค่าพุ่ง 5,000 ล้านบาท ด้าน “โค้ก” พอร์ตโฟลิโอมีทัพฟังก์ชันนัลดริงก์เพียบ “เดอะเวลเนส” ยี่ห้อดังแดนปลาดิบขายสวย “เพาเวอร์เรด อะไลฟ์” น้ำผลไม้ผสมวิตามินและน้ำแร่ “กระทิงแดง-ไทยเบฟ” ซุ่มวิจัยตลาดและพัฒนาสินค้า

แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ เปิดเผยว่า ปีนี้มีแนวโน้มว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มถึง 3 ราย จะรุกตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ ประกอบด้วย บริษัทไทยเบฟเวอเรจ ของเจ้าสัวน้ำเมาเจริญ สิริวัฒนภักดี ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาทิ เบียร์ช้าง เหล้าสี เหล้าขาว และนอนแอลกอฮอล์ เช่น กาแฟแบล็คอัพ เครื่องดื่มชูกำลังแรงเยอร์ และบริษัท โคคา-โคลา ยักษ์ใหญ่ตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมยี่ห้อโค้ก รวมถึงผู้ประกอบการในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง ภายใต้บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด เนื่องจากฟังก์ชันนัลดริงก์เป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยปีนี้คาดว่ามูลค่าตลาดเพิ่มเป็น 4,000-5,000 ล้านบาท จากปี 2552 ตลาดมีมูลค่า 2,000 ล้านบาท เติบโต 100% จากปี 2551 มูลค่า 800 ล้านบาท

นายสมชัย สุทธิกุลพานิช รองประธาน บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และปราศจากแอลกอฮอล์ กล่าวว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจกลุ่มเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ของไทยเบฟฯ มองการขยายอาณาจักรเครื่องดื่มอย่างต่อเนื่อง โดยต้องมีสินค้าหลากหลายกลุ่ม จากปัจจุบันมีทั้งเครื่องดื่มชูกำลังแรงเยอร์ กาแฟพร้อมดื่มแบล็กอัพ น้ำผลไม้ฟรุ๊ตเน็ต เครื่องดื่มเกลือแร่เพาเวอร์พลัส สำหรับเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์เป็นตลาดใหม่ในประเทศไทย แต่ก็เป็นตลาดมีศักยภาพในอนาคต

อย่างไรก็ตาม การทำตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ของบริษัท คงต้องใช้เวลาศึกษาตลาดและพัฒนาสินค้า เพราะเป็นเครื่องดื่มที่ดื่มแล้วผลที่ได้รับต้องพิสูจน์ได้ ส่วนการดำเนินธุรกิจของบริษัทไทยเบฟฯ กับบริษัทลูก โออิชิ กรุ๊ป การผลิตสินค้าป้อนลงสู่ตลาดแม้ว่าสินค้าอยู่ในตลาดเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันโออิชิ รุกตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ด้วยการปรับอะมิโน พลัสใหม่ โดยหลายคนมองว่าแย่งส่วนแบ่งกันเองนั้น แต่บริษัทมองว่าเป็นการเสริมจุดแข็งและเติมเต็มซึ่งกันและกันมากกว่า

**กระทิงแดงพร้อมลุยฟังก์ชันนัลดริงก์

ด้านแหล่งข่าวจากบริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง เปิดเผยว่า ตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ นับว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพตลาดหนึ่ง แต่กลุ่มผู้บริโภคยังไม่มีความรู้มากนัก แต่หากบริษัทจะผลิตเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ ในแง่เครื่องจักรก็สามารถรองรับได้ ซึ่งขณะนี้บริษัทมีการวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่ๆ หลายตัว เพื่อรองรับกับแนวโน้มตลาดเครื่องดื่มที่มาแรง ก่อนหน้านี้ตลาดชาเขียวพร้อมดื่มมีอัตราการเติบโตก้าวกระโดด บริษัทได้เปิดตัวชาขาวเพียวริคุ ต่อมาตลาดน้ำผลไม้มีการเติบโตที่ดี จากกระแสสุขภาพที่มาแรง บริษัทก็เปิดตัวน้ำผลไม้ฟรุ้ต ฟิต ฟอร์ ฟัน

นโยบายของบริษัทมองการขยายโปรดักส์ไลน์ในตลาดเครื่องดื่มทุกกลุ่ม เนื่องจากตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท เริ่มอิ่มตัวและเติบโตน้อย ก่อนหน้านี้บริษัทก็ได้เปิดตัวเครื่องดื่มเรดดี้ลงสู่ตลาด และรุกตลาดกาแฟพร้อมดื่มเรดบูล อย่างไรก็ตามจากการศึกษาตลาด ฟังก์ชันนัลดริงก์ในรูปแบบเครื่องดื่มพร้อมดื่ม กลุ่มเป้าหมายโดยมากจะเป็นวัยรุ่น และดื่มเพื่อดับกระหาย เมื่อเทียบกับฟังก์ชันนัลดริงก์รูปแบบช็อต กลุ่มคนดื่มเป็นผู้ใหญ่ วัยทำงาน และต้องการผลที่ได้รับจากการดื่ม

**กระแสโค้กจ่อลงฟังก์ชันนัลดริงก์

ด้านบริษัทโคคา-โคลา ยักษ์ใหญ่ในตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมยี่ห้อโค้ก แฟนต้า นับว่าเป็นบริษัทที่มีความพร้อมในการทำตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ในประเทศไทย เนื่องจากมีความเหนือชั้นทั้งด้านสินค้าที่มีอยู่มากมายหลายชนิด จากตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ที่แพร่หลายในอเมริกานานร่วม 10 ปี และเครื่องดื่มในตลาดอเมริกาส่วนใหญ่เป็นฟังก์ชันนัลดริงก์แทบทั้งสิ้น

โดยขณะนี้ค่ายน้ำอัดลมโค้ก มีเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ที่ขายในเอเชียแล้ว อาทิ แบรนด์เดอะเวลเนส (The wellness) เป็นเครื่องดื่มเพื่อความงาม ซึ่งทำออกมาเพื่อเอาใจผู้หญิง ทำให้รู้สึกดูดีตลอดเวลา โดยปัจจุบันวางขายที่ญี่ปุ่น ผสม Q10 ซึ่งในประเทศไทย Q10 เป็นเครื่องดื่มอีกหนึ่งตัวที่ได้รับความนิยม และเครื่องดื่มอีกหนึ่งยี่ห้อเพาเวอร์เรด อะไลฟ์ (powerade alive) เป็นเครื่องดื่ม ที่มีส่วนผสมของน้ำผลไม้ วิตามิน และน้ำแร่ สร้างความรู้สึกสดชื่นสร้างความรู้สึกสดชื่น มี 3 รส ได้แก่ ส้มโอ, ส้ม และมะนาว เป็นต้น

สำหรับตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ในประเทศไทยมูลค่า 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็น เซกเมนต์ฟังก์ชันนัลดริงก์พร้อมดื่ม 1,000 ล้านบาท และเซกเมนต์ฟังก์ชันนัลในรูปแบบชอต 1,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันเช็ปเป้ บิวติ ดริงก์ เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 45% บีอิ้ง 20% และอะมิโน โอเค รั้งอันดับ 3 มีส่วนแบ่ง 15% ซึ่งพบว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคไทยในขณะนี้ อยู่ในช่วงของการทดลองดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ ทำให้ความจงรักภักดีต่อตราสินค้ามีน้อย และโอกาสการสวิตช์แบรนด์มีความเป็นได้สูง ดังนั้นผู้ประกอบการปีนี้จึงเร่งปั้นแบรนด์เพื่อยึดหัวหาดในตลาดดังกล่าว ซึ่งคาดว่าการแข่งขันจะทวีความรุนแรง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
***********************************************************************