"เนวิน"แนะ"เสื้อแดง"แยกแยะการเมือง-กีฬา

"เนวิน"แนะ"เสื้อแดง"แยกแยะการเมือง-กีฬา

นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ พีอีเอ กล่าวถึงกรณีคนเสื้อแดงชุมนุมขัดขวางการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมชัยภูมิ ยูไนเต็ด กับทีมบุรีรัมย์ เอฟซี เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พร้อมทั้งประกาศไม่ให้นายเนวินข้าไปเหยียบ จ.ชัยภูมิ หรือที่ใดๆว่า เป็นเรื่องน่าเสียใจมาก ที่คนไทยชาติเดียวกัน ผิวสีเดียวกันกลับมาดูการแข่งขันฟุตบอลไม่ได้ อยากให้ดูแอฟริกาใต้ที่เคยมีสงครามเหยียดสีผิวระหว่างคนผิวดำกับคนผิวขาวฆ่ากัน แต่วันนี้กลับมาเชียร์รักบี้กัน กีฬาทำให้ไม่มีการแบ่งแยกสีผิวกัน และวันนี้ที่แอฟริกาใต้คนผิวขาวกับผิวดำกำลังจับมือสร้างประเทศให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก อยากให้พี่น้องเสื้อแดงแยกแยะการเมืองกับกีฬาออกจากกัน เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน ผิวสีเดียวกันไม่อยากเห็นการแบ่งแยกในการเชียร์ฟุตบอล นายเนวิน กล่าวด้วยว่า การแข่งขันฟุตบอลหากเล่นสนามเหย้าไม่ได้ ตามกติกาฟีฟ่าก็ต้องใช้สนามกลางในการแข่งขันแทน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นความเสียหายของ จ.ชัยภูมิเอง เมื่อเข้าไปเล่นกีฬาไม่ได้ ใครจะไปลงทุน ใครจะไปกินไปเที่ยวชัยภูมิ กองเชียร์บุรีรัมย์ไป 700-800 คน ค่าตั๋วคนละ 40 บาท แต่กลับไม่ได้เลย ถ้ากองเชียร์เราจำนวนเยอะกว่า เกรงว่าเข้าไปก็อาจเป็นอันตรายได้

ทั้งนี้มีแกนนำพาเสื้อแดงชัยภูมิ ไปชุมนุมหรือไม่ นายเนวิน กล่าวว่า มี ส.ส.ในพื้นที่พาไป ซึ่งตนเองไปไม่เคยมีเรื่องการเมืองเลย ไม่ว่าไปสกลนครหรือนครพนมมาเตะที่บุรีรัมย์ก็ไม่มีปัญหา ส่วนตัวรู้สึกเสียใจและเสียดาย ถือเป็นเวรกรรมของตนเอง และขอยืนยันว่าหากเป็นบุรีรัมย์ใครเข้ามาไม่ว่าจะเป็น นายประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ หรือนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำเสื้อแดง หรือใครก็ตาม ไม่ว่านามสกุลอะไร มาจากจังหวัดไหน หากเข้ามาด้วยเรื่องกีฬา ขอเอาเกียรติส่วนตัวและเกียรติของชาวบุรีรัมย์ว่าจะดูแลมดไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม เพื่อให้มีความสุขในการชมฟุตบอล คนการเมืองที่มาทำกีฬามีเยอะแยะ ทั้งนายอนุชา นาคาศัย ผู้จัดการทีมชาติและทีมฟุตบอลจ.ชัยนาท นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ก็จัดฟุตบอลคิงส์คัพ และทำเทนนิส ก็ไม่มีปัญหา ตนเองมาทำฟุตบอลก็ไม่น่ามีปัญหา ถ้ารู้จักแยกแยะ ขอยืนยันไม่เอาฟุตบอลมาเกี่ยวข้องกับการเมืองแน่นอน เพราะรักฟุตบอลเหมือนรักประเทศไทย ถ้าบ้านเมืองยังเป็นอย่างนี้เมื่อใดฟุตบอลไทยจะพัฒนาไปถึงระดับโลกได้

ที่มาเนชั่น
*************************