Username:

Password:



  • หน้าแรก
  • ช่วยเหลือ
  • ค้นหา
  • ปฏิทิน
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
  • กลับหน้าร้านค้าออนไลน์
หน้าร้านดีดี บอร์ด พระเกจิอาจารย์ พระเกจิอาจารย์ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม (ผู้ดูแล: ka1, okay) ประวัติ หลวงพ่อเงิน 8.
หน้า: [1]   ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
ส่งหัวข้อนี้พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัติ หลวงพ่อเงิน 8.  (อ่าน 3263 ครั้ง)
ka1
Global Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 496


เราจะทำเพื่อสังคม ทีมงานหน้าร้านดีดี.คอม


ประวัติ หลวงพ่อเงิน 8.
« เมื่อ: ธันวาคม 07, 2009, 12:08:59 AM »



ประวัติ หลวงพ่อเงิน 8.

มูลเหตุแห่งการสละโลกีย์วิสัย ของหลวงพ่อเงิน (ต่อ)


            เพราะเหตุที่หลวงพ่อเงินเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านชาวเมืองทั่วไป ทั้งพระเณรในวัดก็เคารพบูชา การปกครองพระภิกษุสงฆ์ในวัดจึงไม่มีปัญหาอย่างใด แม้จะหย่อนด้านวัยวุฒิอายุยังน้อยอยู่ คนก็เรียกหลวงพ่อกันทั่วไป หลวงพ่อเป็นพระที่เคร่งครัดอยู่ในพระธรรมวินัยไม่เคยประพฤติย่อหย่อนเลี่ยงวินัยให้ใครเห็นเลย ไม่มีปมด้อยหรือจุดอ่อนอันจะต้องซ่อนเร้นปิดบัง หลวงพ่อมักน้อย สันโดษ ไม่โลภ ไม่สะสมทรัพย์ไว้เป็นของส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย ไม่เคยแม้แต่จะคิดโลภเอาไว้เพื่อเห็นแก่วัดก็ไม่ปรากฏ จิตใจก็เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตา เผื่อแผ่ แบ่งปัน ช่วยเหลือคนทุกคนด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ทำเพื่อจะเอาหน้าเอาซื่อ หรือเอาพวก หรือมีเล่ห์เหลี่ยมกลอุบายอะไรทั้งสิ้น พูดจากและปฏิบัติตนเปิดเผย ตรงไปตรงมา สม่ำเสมอ เคยอย่างไรก็อย่างนั้นคงเส้นคงวา หลักธรรมเรื่องที่พระพุทธองค์สอนไว้ เรื่อง สังคหวัตถุธรรม-เครื่องสงเคราะห์ผูกพันจิตใจคนนั้น ดูเหมือนหลวงพ่อจะมีอยู่ครบถ้วน ในจิตใจไม่บกพร่องเลยคือ

1.ทาน การให้ปัน

2.ปิยวาจา พูดจาเป็นที่รัก

3.อัตถจริยา ช่วยเหลือเกื้อกูล

4.สมานัตตตา วางตนสม่ำเสมอ คงเส้นคงวา ไม่มีขึ้นมีลงไปตามอำนาจ วาสนา ยศศักดิ์ หรืออารมณ์ สังคหวัตถุธรรมนี้ ดูแล้วมีอยู่ในตัวหลวงพ่อครบบริบูรณ์ไม่บกพร่องเลย

การได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์นั้น ท่านก็ไม่ได้ถือโอกาสเอาตำแหน่งนี้ กระทำการเพื่อประโยชน์ตนเองเลย ท่านทำการบวชกุลบุตร เพื่อพระพุทธศาสนาเท่านั้น ไม่ได้เห็นแก่ลาภทางสักการะหรือชื่อเสียง ความเป็นใหญ่ หรือหาลูกศิษย์ลูกหาอะไรทั้งสิ้น สังเกตเห็นได้จากการรับคนเข้ามาบวช ท่านก็ตั้งกฎเกณฑ์ไว้ เป็นการพูดปากเปล่าบอกชาวบ้านให้รู้ทั่วกันว่า

"การที่จะเข้ามาบวชเป็นสาวกของพระพุทธเจ้านั้นต้องเข้ามาอยู่วัดเสียก่อน เพื่อฝึกหัดอบรมให้มีนิสัยปัจจัยเสียก่อน จึงจะบวชเป็นพระได้ การบวชจึงจะเป็นเนื้อนาบุญ ได้กุศลผลบุญโดยแท้จริง"   การสั่งสอนอบรมพระภิกษุหลวงพ่อก็พูดอยู่เสมอว่า

"พระภิกษุก็เหมือนเนื้อที่นา ต้องเป็นเนื้อนาดี ดินดี การหว่านพืชข้าวลงไป จึงจะได้ผลงอกงาม การเป็นพระเนื้อนาไม่ดี ก็ไม่มีใครเขาอยากจะหว่านพืช คือทำบุญให้ เพราะรังแต่จะสูยเสียเปล่า เป็นข้าวที่เฉา ม้าน หรือรวงลีบ ไม่ได้ผลอะไรตอบแทน"

"อีกอย่างหนึ่ง พระภิกษุมาบวชแล้วต้องเรียน จึงจะชื่อว่าบวชเรียน โดยแท้จริงตามคำโบราณ ไม่ได้เรียนเพื่อเอาประกาศนียบัตรเป็นเครื่องหมายรับรองคุณวุฒิเหมือนทางโลกที่เขาต้องการเอาไปอวดคน หรือนายเพื่อรับเข้าทำงาน การเรียนของพระสงฆ์เป็นการเรียนศึกษาพระธรรมวินัยให้รู้ไว้ตามภาวะตามหน้าที่การงานของตนเท่านั้น คือเป็นพระก็ต้องเรียนรู้เรื่องของพระให้เข้าใจ มิฉะนั้นก็จะได้ชื่อว่า บวชเสียผ้าเหลือง สึกก็เปลืองผ้าลาย"

หลังจากสวดมนต์ไหว้พระ ที่เรียกว่าทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็นแล้ว หลวงพ่อก็อบรมพระ วิธีการอบรมก็พูดจาสนทนาธรรมกันตามธรรมดา ท่านค่อย ๆ พูดเลียบเคียงหว่านล้อม ทีละน้อย จนผู้ฟังเพลิน มีเกล็ดขำ ๆ เรื่องเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ มาเล่าประกอบ แล้วสุดท้ายก็วกเข้าหาจุดที่ตั้งใจสอน เช่นถ้าเห็นพระภิกษุรูปใดชอบเปลือยกายท่อนบน ตามปกตินิสัยของชาวนา ชาวไร่ ตามบ้านนอกเมื่ออยู่กับบ้าน ท่านก็จะเล่าอะไรต่ออะไรเกี่ยวกับเรื่องเปลือยกายเสียก่อน จึงจะถึงจุดว่า

"เป็นพระสงฆ์นั้นเป็นรูปกายที่ชาวบ้านเขายกมือพนมกราบไหว้ ถ้าปล่อยกายปล่อยตัวเหมือนชาวบ้านแล้ว ก็จะไม่มีอะไรให้อยู่ในฐานะอันชาวบ้านเขาจะกราบไหว้ได้ เขาก็จะหมดศรัทธาเลื่อมใสใน พระสงฆ์ และในพระรัตนตรัยด้วย การสังวรระวังอยู่ในวินัยจึงเป็นสมบัติของพระสงฆ์ เพื่อเขาจะได้ยกมือกราบไหว้ได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ"

แล้วหลวงพ่อก็จะเล่าเกล็ด เล่านิทาน เล่าชาดกให้ฟังประกอบเรื่องจนผู้ฟังเห็นดีเห็นชอบ ไม่เบื่อหน่าย และยินดีที่จะประพฤติปฏิบัติตาม

ในส่วนตัวของหลวงพ่อเอง ก็ตั้งอยู่ในวินัยเป็นตัวอย่างด้วย จนพระภิกษุที่บวชอยู่ในวัดดอนยายหอม เมื่อสึกออกไปก็เอาไปนินทาว่าร้ายหลวงพ่อไม่ได้เลย ไม่เหมือนพระบางวัด พอสึกออกไปก็เอาความไดของพระในวัด และของสมภารไปเล่านินทากันสนุกปาก เล่าเป็นนิทาน เรื่องเถรกับยายชีต่าง ๆ นานา เป็นเรื่องลามก จนคนไม่อยากเข้าวัด คนเล่าก็ไม่อยากหันหน้าเข้าวัด กลายเป็นคนเบื่อวัดเกลียดพระไปก็มี สรุปว่าพระก็ไม่เห็นมีอะไรดีวิเศษกว่าชาวบ้านเลย บางทีแย่กว่าฆราวาสก็มี เรื่องอย่างนี้พระพุทธศาสนาขาดทุนป่นปี้ แต่เรื่องอย่างนี้วัดดอนยายหอม ไม่มีเลย มีแต่เอาเรื่องคุณงามความดีของหลวงพ่อไปยกย่องสรรเสริญกันทั่วทุกตัวคน ชื่อเสียงของหลวงพ่อเงินจึงโด่งดังออกไปนอกวัดไกลออกไปทุกที เพราะว่ากลิ่นและสีของหลวงพ่อเหมือนกลิ่นและสีของดอกไม้อันหอมหวนทวนลมได้

หอมกลิ่นดอกไม้ที่ นับถือ

หอมแต่ตามลมรือ    กลับย้อน

........................................................................................
บันทึกการเข้า

เราจะเป็นผู้ให้ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
(หากมีแต่ ผู้ขอ แล้วคัยจะเป็นผู้ให้ละ)
หน้า: [1]   ขึ้นบน
ส่งหัวข้อนี้พิมพ์
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.10 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
Nt-Sun Theme by N a t i
กำลังโหลด...