Username:

Password:



  • หน้าแรก
  • ช่วยเหลือ
  • ค้นหา
  • ปฏิทิน
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
  • กลับหน้าร้านค้าออนไลน์
หน้าร้านดีดี บอร์ด ห้องพูดคุยทั่วไป ห้องหนัง-ภาพยนตร์ (ผู้ดูแล: ka1, jacky, chain_k) X-MEN: FIRST CLASS เอ็กซ์-เม็น: รุ่นหนึ่ง
หน้า: [1]   ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
ส่งหัวข้อนี้พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: X-MEN: FIRST CLASS เอ็กซ์-เม็น: รุ่นหนึ่ง  (อ่าน 3821 ครั้ง)
jacky
Global Moderator
Full Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 249


X-MEN: FIRST CLASS เอ็กซ์-เม็น: รุ่นหนึ่ง
« เมื่อ: มิถุนายน 02, 2011, 07:04:40 AM »

X-MEN: FIRST CLASS
เอ็กซ์-เม็น: รุ่นหนึ่ง



จากคำพูดของของเหล่านักแสดงของเรื่อง X-MEN: FIRST CLASS (เอ็กซ์-เม็น: รุ่นหนึ่ง) แนะนำตัวละครและจุดยืนของพวกเขาในภาพยนตร์ให้พวกเรารู้จัก

เจมส์ แม็คอวอย (ชาร์ลส์ ซาเวียร์/โพรเฟสเซอร์ เอ็กซ์) – “ชาร์ลส์มีการเชื่อมโยงถึงทุกคน เพราะเขาสามารถรับรู้ประสบการณ์และเข้าใจพวกเขาได้ ความทรงจำของพวกเขาก็เหมือนความทรงจำของเขา แต่เขาไม่ได้มองไปที่เอริค เขาไม่รู้ว่าเอริคอยู่ที่นั่น ไม่รู้สึกถึงเขาได้อย่างทันที และเขาอาจเข้าไม่ถึงเอริคในแบบที่เข้าถึงคนอื่นๆ ด้วยซ้ำ ผมว่ามันเป็นการแข่งขันของใครที่กุมอำนาจอยู่เล็กน้อย และมันมีความรู้สึกระหว่างพวกเขา จากที่แม็กนีโตพูดว่า ‘แกมีมันสมอง แต่ว่าฉันเป็นไพ่ตายของแก’ ในทุกการผจญภัย ‘ผมเป็นคนที่ร้ายกาจที่สุดในจุดนี้ คุณรู้ดีและผมเองก็รู้ดี’ และผมคิดว่าตอนท้ายของภาพยนตร์เราจะเข้าใจมันได้เป็นอย่างดี เรามีมุมมองที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และสิ่งที่ค่อนข้างงดงามคือฉากเหล่านั้นไม่ได้จบลงด้วยการประนีประนอมกันในท้ายที่สุด พวกเขาแตกแยกกัน จึงมีความเครียดเกิดขึ้นตลอดภาพยนตร์”

ไมเคิล แฟสเบ็นเดอร์ (เอริค เลห์นเชอร์/แม็กนีโต) – “ในช่วงเริ่มต้นของภาพยนตร์ เราได้ทำความรู้จักกับเอริคในฐานะของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เราเริ่มต้นในค่ายกักกันที่กักตัวเขาเอาไว้และตัดเข้า 20 ต่อมา ซึ่งเป็นช่วงต้นของยุค 60 เอริคโตขึ้นเป็นหนุ่ม เขากำลังมีภารกิจไล่ล่าตัวเซบาสเตียน ชอว์ ที่แสดงโดย เควิน เบคอน ชอว์ได้ตัวเขาที่แคมป์ที่ให้ความสนใจ และอย่างที่เรารู้ว่านาซีมีการทดลองมากมายกับพวกเรื่องขนาดหัวกระโหลก ขนาดสมอง และการทดลองวิทยาศาสตร์กับมนุษย์เป็นส่วนหลัก ชอว์กำลังพยายามปลดปล่อยพลังนี้ในตัวแม็กนีโตออกมา เพื่อให้เขายอมรับว่าเขาสามารถปรับเปลี่ยนโลหะ โดยพื้นฐานแล้วเราจึงร่วมมือกับเอริคในภารกิจสยบไล่ล่าตัวชอว์”

โรส บริน (มอยร่า แม็คแท็กการ์ต) – “มอยร่าทำงานให้ CIA ในหนังสือการ์ตูน เธอเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เชี่ยวชาญด้านยีนมนุษย์กลายพันธุ์ และเธออยู่ในหนังภาคที่ 3 โอลิเวีย วิลเลียมส์ รับบทแสดงเป็นเธอ แต่ในการกำเนิดใหม่คราวนี้เธอทำงานให้ CIA และในช่วงแรกเริ่มได้ร่วมงานกับชาร์ลส์ ซาเวียร์ เพื่อการค้นหามนุษย์กลายพันธุ์ เธอรู้ว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านยีนของการกลายพันธุ์ เธอจึงหาตัวเขาและกลายเป็นพันธมิตรกัน เธอเป็นนักสำรวจหญิงตัวจริง มันเกิดขึ้นในปี 62 และเธออยู่ในหน่วย CIA มันจึงเป็นเรื่องใหม่มากที่ผู้หญิงจะได้รับโอกาสนั้น เธอทำหน้าที่ในสถานที่ที่มีความเร้นลับพอสมควร เธอจึงมีความกล้าและมีแรงผลักดันหลายอย่าง”

เควิน เบคอน (เซบาสเตียน ชอว์)
เซบาสเตียน ชอว์ มนุษย์กลายพันธุ์ผู้ทรงพลังที่สามารถดูดซึมพลังงานและถ่ายเทใหม่ให้เป็นพลังที่เหนือมนุษย์ ชอว์จะเคลื่อนตัวอย่างลึกลับด้วยหมายกำหนดลับที่เป็นการคุกคามโลกทั้งใบ เขาจะไม่รั้งรอสิ่งใดเพื่อเริ่มศึกสงคราม และหากเขาทำสำเร็จเหล่ามนุษยชาติจะต้องถูกพิพากษา ภาพยนตร์เรื่อง X-MEN: FIRST CLASS เป็นการสร้างภาพชอว์ให้กลายเป็น puppet master ผู้อยู่เบื้องหลังวิกฤติขีปณาวุธคิวบา ที่ประเทศคิวบาสหภาพโซเวียตได้เริ่มติดตั้งขีปณาวุธวิสัยกลาง ที่สามารถบรรทุกน้ำหนักอาวุธนิวเคลียร์ไปยังอเมริกาได้ ซึ่งต้องการให้การติดตั้งพวกนี้ถูกรื้อถอนไปโดยทันที การประจัญหน้าที่ดำเนินต่อไประหว่างประเทศมหาอำนาจทั้งสองได้นำโลกสู่การทำลายล้างอย่างช้าๆ “แผนการของชอว์” เควิน เบคอน ผู้รับบทบาทกล่าวว่า “คือการเพิ่มระดับวิกฤติขีปณาวุธคิวบาได้นำพาเรือรัสเซียและเรือดำน้ำไปสู่อ่าว Bay of Pigs มีชาวอเมริกันและชาวรัสเซียสาดกระสุนใส่กัน จุดชนวนสงครามนิวเคลียร์ที่จะขจัดเหล่ามนุษยชาติ และทำให้เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ได้ครองโลก มันเป็นเค้าโครงแผนการที่สุดเฉียบ มันเป็นช่วงเวลาแห่งความตึงเครียดในประวัติศาสตร์โลกที่ไม่น่าเชื่อ และบอกถึงไอเดียของชอว์เป็นวิธีการสุดเฉียบเพื่อสร้างโลกของ X-Men ขึ้นมาในระหว่างยุคนี้ “ชอว์เป็นคนที่มีพลังอำนาจอย่างสูงและที่สำคัญเป็นผู้ต่อต้านสังคมด้วย” เบคอนกล่าวต่อว่า “แต่เขาเชื่อมั่นอย่างแท้จริงว่าเขากำลังพยายามสร้างโลกที่ดีขึ้น ซึ่งปราศจากมนุษย์ มีมนุษย์กลายพันธุ์ปกครองและอาศัยอยู่ทั้งหมด ธรรมเนียมปฏิบัติตามศีลธรรมนำมาใช้กับชอว์ไม่ได้ ความคิดของเขาเชื่อว่ามนุษย์กลายพันธุ์และมนุษย์ไม่มีทางอาศัยร่วมกันได้ ฉะนั้นนี่คือการเอาตัวรอดที่เหมาะสมที่สุด และชอว์มุ่งมั่นปกป้องประชากรมนุษย์กลายพันธุ์ เขาถูกผลักดันโดยความเชื่อที่หนักแน่น โดยเขาคิดว่าเขาคือผู้นำที่เหมาะสมสำหรับโลกใบใหม่”

แจนยัวรี่ โจนส์  (เอ็มม่า ฟรอสต์)
มนุษย์กลายพันธุ์ ผู้เป็นมือขวาของชอว์ และมีเรื่องความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง คือ เอ็มม่า ฟรอสต์ ผู้มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานว่าเป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่ที่สุดในยุค 60 จากการถ่ายทอดของหนังสือการ์ตูน ซึ่งอยู่เหนือบทนางร้ายใดๆ เช่น แคทวูแมนและอิเล็คตร้า ผู้แสดงบทบาทของ เอ็มม่า ผู้สามารถโทรจิตพร้อมมีผิวที่ไม่สามารถทำลายได้เหมือนเพชรคือแจนยัวรี่ โจนส์ “ฉันตื่นเต้นมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกสุดเหลือเชื่อของ X-Men”เธอกล่าว “มันเป็นสิ่งที่ใหม่มากสำหรับฉัน การผสมผสานการท้าทายความสามารถทางด้านร่างกายทั้งหมดที่บทเสนอมา เช่นเดียวกับมุมมองด้านบทละคร เอ็มม่าเป็นตัวร้ายที่มีศิลปะ แต่ฉันคิดว่าจุดมุ่งหมายของเธอมีความชัดเจนและออกมาจากใจ เธอคิดว่าเธอกำลังทำสิ่งที่ดีที่สุดต่อเผ่าพันธุ์ของเธอ และจะทำทุกสิ่งเพื่อรักษาเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ให้คงอยู่และเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความแข็งแกร่งขึ้น” อันที่จริงเอ็มม่าจากหนังสือการ์ตูนที่ลงมาเกิดใหม่มีลักษณะที่แตกต่างอย่างน่าประทับใจ และไม่ค่อยทำให้โจนส์เป็นกังวลมากนัก เธอรู้สึกดีใจที่ได้สวมเสื้อผ้าที่ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย แซมมี่ เชลดัน สร้างขึ้นมาเพื่อเธอ “ในหนังสือการ์ตูนเสื้อผ้าของเอ็มม่าดูเหมือนเป็นสีที่ทาเอาไว้” โจนส์กล่าวพร้อมหัวเราะ “แต่แซมมี่สร้างผลงานได้อย่างน่าอัศจรรย์ เธอทำให้เสื้อผ้าดูสมจริงกับตัวละคร และเป็นเสื้อผ้าที่ฉันสามารถเคลื่อนไหวไปรอบๆ ได้ด้วย” เชลดันกล่าวเสริมว่า “เราอยากทำให้เอ็มม่ามีช่วงเวลาแห่ง ‘ความเท่ห์’ และมีหลายครั้งที่เธอสวมชุดบิกินี่, เสื้อคลุมที่ดูยั่วยวน, ชุดนางแมว, ชุดชั้นในคริสตัล และรองเท้าบูทยาวมาถึงต้นขาที่ประกอบกับเสื้อผ้าของเธอ”

เจสัน เฟลมิ่ง (อาซาเซล) – “เขาเป็นคนชั่ว เควิน เบคอน มีผู้ร่วมทีมที่น่าหวาดกลัว หนึ่งในนั้นคือแจนยัวรี่ โจนส์ คนเก่ง และหนึ่งในนั้นคือเจสัน เฟลมิ่ง ผู้ไม่มีความเลิศหรูแต่ยังมีผิวสีแดงเป็นประกาย เช่นเดียวกับอเล็กซ์ กอนซาเลซ ผู้รับบทแสดงเป็นริพไทด์ ต่อมาเราได้เพิ่มโซอี้ เครวิตว์ เข้ามาในหนังด้วย พวกเขาเหมือนกับจอมอันธพาล แต่ความสามารถของผม หากผมมีทักษะในทุกด้าน ผมจะทำสิ่งที่อยู่นอกเหนือสิ่งที่อยู่ในบทสักหน่อย หากวันหนึ่งผมแสดงและเพิ่มบทพูดหรืออาจทำให้มีใบหน้าใกล้ชิดเข้ามาหน่อย ผมก็พอใจกับตัวเองแล้วเมื่อเวลาเดินหน้าไป เพราะมันเป็นภาพยนตร์เรื่องยาว ผมมีความสุขกับส่วนที่มีการพัฒนา แม็ตต์มาหาผมและบอกว่า ‘เฟลมิ่ง รายละเอียดการถ่ายทำของกองสองมีคุณคอยพูดตลอดเวลา คุณไม่มีบทพูดเลย ทำไมคุณยังพูดอยู่?!’”

อเล็กซ์ กอนซาเลซ (จานอส คเวสเต็ด/ริพไทด์) – “ริพไทด์ร่วมมือกับเซบาสเตียน ชอว์ รับบทแสดงโดยเควิน เบคอน โดยพื้นฐานแล้วเขาสามารถควบคุมกระแสลมได้ เขาสามารถเหวี่ยงคลื่นลมได้ด้วยมือของเขา แต่เวลาที่เขาโกรธจัด เขาสามารถสร้างทอร์นาโดขึ้นมารอบๆ ตัวเขาได้ เขาเป็นตัวอันตรายสุดๆ แต่ในทางตรงกันข้ามเขามีความเคารพและเป็นคนสุภาพมาก สำหรับผมแล้วเขาเหมือนพายุทอร์นาโด เวลาเราเห็นทอร์นาโดจากที่ไกลๆ มันดูสงบนิ่ง เพียงสิ่งเดียวที่เรามองเห็นได้คือลักษณะที่เหมือนหลอด แต่ภายในเมื่อมันใกล้เข้ามาดูน่ากลัวมาก ทุกอย่างภายในตัวริพไทด์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมีความฉุนเฉียวมาก เขาค่อนข้างเป็นคนเห็นแก่ตัวในช่วงเวลาที่เขาเป็นทอร์นาโด เขาสนุกกับมันได้ตลอดเวลา”

นิโคลาส เฮาล์ต (แฮงค์ แม็คคอย/บีส) – “เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์หนุ่ม เป็นอัจฉริยะที่ชาญฉลาดมาก แต่ค่อนข้างขี้อายและทำตัวไม่ถูกเวลาอยู่กับสาวๆ ค่อนข้างเปิ่นในสังคมเวลาอยู่ในกลุ่มของผู้คน เขาเป็นคนดีแต่นั่นคืองานหนักสำหรับเขา เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีฝีมือ และเขาจะมาพร้อมสิ่งประดิษฐ์พวกนี้ที่ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง จากนั้นเขาได้ทดลองเซรั่มจากดีเอ็นเอของมิสทีก เพื่อพยายามหยุดยั้งเท้าของเขาที่กำลังจะมีขนาดใหญ่ยักษ์เหมือนลิง เพราะเขาเป็นคนที่มีจิตสำนึกถึงเรื่องนั้นมาก โชคร้ายที่มันเกิดข้อผิดพลาด เขาจึงกลายเป็น บีส ที่เรารู้จักจากหนัง การ์ตูน และหนังสือการ์ตูนอื่นๆ มันเป็นมนต์เสน่ห์ที่ได้เห็นความแตกต่างระหว่างตอนที่เขากลายเป็นบีสกับแฮงค์ และนี่เป็นตัวละครที่ดูเหมือนสัตว์และดูน่ากลัวมาก “

เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ (เรเว็น ดาร์คโฮล์ม/มิสทีก) – “เรเว็นหรือมิสทีกเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ โดยธรรมชาติเธอมีตัวสีฟ้า ดูน่ากลัว ผมสีแดง และเธอยังมีความคล่องตัวที่เหนือมนุษย์อีกด้วย จริงๆ แล้วเธอเป็นเด็กวัยรุ่นธรรมดาทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับความไม่เชื่อมั่น ซึ่งความไม่เชื่อมั่นของเธอเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่ เธอไม่เชื่อมั่นเรื่องการเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ และเธอเริ่มยอมรับมันได้อย่างช้าๆ และค่อยๆ เปิดเผยตัวเธอออกมา เธอเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้เป็นเวลานาน แต่จริงๆ แล้วเธอแค่เรียนรู้ความสามารถเหนือมนุษย์ของเธอ เธอค้นพบสิ่งนั้นในหนัง”

อีดี้ กาเธกี้ (อาร์แมนโด้ มูนอซ/ดาร์วิน) – “ดาร์วินได้ฉายามาจากชาร์ลส์ ดาร์วิน บิดาแห่งทฤษฎีเรื่องวิวัฒนาการ ตัวละครของผมมีวิวัฒนาการเกิดขึ้นตลอดเวลา มันเรียกว่าปฏิกิริยาการปรับตัว ฉะนั้นไม่ว่าเขาจะอยู่ในสภาวะใด โดยพื้นฐานความอยู่รอดแล้วเขาจะกลายสภาพ หากเขาถูกโยนลงน้ำ เขาจะมีเหงือกเหมือนปลาขึ้นมาทันที หากอยู่ในที่มืด เขาจะมีสายตาอันแหลมคมภายใต้บรรยากาศมืดมิด เขาเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่เท่ห์มาก! สิ่งที่ผมชอบในพลังตัวละครของผม คือ X-Men ทั้งหลายจะมีพลังที่เจ๋งสุดๆ แต่ตัวละครนี้เราเห็นมันเกิดขึ้นได้จริง และเราเห็นได้ว่าทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้น ในสถานการณ์ที่เหมาะสมแล้ว เราจะเห็นความคิดที่อยู่เบื้องหลังตัวละคร และความต้องการสร้างวิวัฒนาการนั้นขึ้นมา มันมีเรื่องของการให้เหตุผลอยู่ในนั้น มีความเป็นไปได้ไม่มีที่สิ้นสุดหากมีบทที่ดี”

โซอี้ เครวิตซ์ (แองเจิล ซัลวาดอร์/เท็มเปสต์) – “แองเจิล ซัลวาดอร์ เป็นนักเต้นอะโกโก้ที่บินได้ ฉันมีรอยสักรูปปีกคู่หนึ่งที่หลัง ซึ่งกลายเป็นปีกของแมลงขึ้นมา และฉันสามารถพ่นอาเจียนที่เป็นกรดออกมาได้ ฉันต้องทำแบบนั้น 2-3 ครั้ง เธอเริ่มต้นจากด้านดีร่วมกับโพสเฟสเซอร์ เอ็กซ์ กับ แม็กนีโต พวกเขารับเธอเข้ามาเป็นหนึ่งใน X-Man จากนั้นเธอหันเข้าหา Hellfire ของเซบาสเตียน ชอว์ ฉันว่ามันเป็นการเข้าใกล้การต่อสู้เพื่อความเสมอภาคกับมนุษย์ที่มีความแตกต่าง บางคนเปรียบเทียบความแตกต่างของทั้งสองด้านนั้น ในหนังเรื่องนี้มันคือ Hellfire กับ X-Men แต่ต่อมามันเป็นเรื่องของซาเวียร์กับแม็กนีโต บางคนเปรียบเทียบมันกับมาร์ติน ลูเธอร์ คิง กับ มัลคอล์ม เอ็กซ์ จริงๆ แล้วพวกเขาต่อสู้เพื่อสิ่งเดียวกัน แต่มีวิธีการเข้าถึงจุดนั้นที่แตกต่างกัน ฉันคิดว่าเธอเชื่อมั่นว่าด้านการแข่งขันรุกรานเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”

ลูคัส ทิล (อเล็กซ์ ซัมเมอร์ส/ฮาว็อค) – “อเล็กซ์ ซัมเมอร์ส เจ้าของสุดยอดชื่ออย่าง ฮาว็อค คือ สก็อตต์  ‘ไซคล็อพส์’ น้องชายของซัมเมอร์ส ผมสามารถปล่อยลำแสงพลาสม่าออกจากตัวได้แทนที่จะออกมาแค่สายตา เหมือนกับสก็อตต์ไม่สามารถควบคุมพลังตัวเองได้หากไม่มีแว่นตาหรือที่บังแสงของเขา ในอดีตอเล็กซ์ไม่เคยควบคุมพลังของเขาได้ด้วยซ้ำ เกิดการระเบิดขึ้นเสมอเพราะไม่มีการควบคุมพลัง ในหนังสือการ์ตูนเขามีชุดดูดซับพลังที่มากเกินไป แต่มันเหมือนกับตัววัดพลังที่บอกว่าเขามีพลังแค่ไหนมากกว่า ในทางตรงกันข้ามภาคนี้ผมมีบางอย่างที่เชื่อมโยงถึงมันได้ เพราะผมไม่สามารถควบคุมมันด้วยตัวเองได้ มันคือแผ่นตรงหน้าอกที่เอาไว้เพ่งรังสี ฉะนั้นผมจะไม่ปล่อยพลังไปทั่วทุกที่แล้ว”

คาเล็บ แลนดรี้ โจนส์ (ฌอน แคสซิดี้/แบนชี่) – “แบนชี่มีเสียงกรีดร้องที่เร็วเหนือเสียง ในภาคนี้เขาได้เรียนรู้วิธีการบิน วิธีหลอมวัตถุ ในช่วงแรกเริ่มสิ่งเดียวที่เขารู้เป็นอย่างดีคือวิธีการทำลายสิ่งของ ผมเดาว่าเป็นพวกประตูรถ อะไรทำนองนั้นนะ เขามีการคัดสรรโสตประสาท ในหนังสือการ์ตูนเหมือนพวกเขาสร้างเขาขึ้นมาใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาดูดีอยู่เสมอ เหมือนกับเขาดูดีที่สุด เห็นได้ชัดว่าในบทภาพยนตร์ให้คำจำกัดความเขาได้มากกว่าหนังสือการ์ตูน เพราะผมต้องแสดงตามที่บทบอก ผมพยายามใส่เข้าไปให้มากเท่าที่จะทำได้ ผมรู้ว่าในหนังสือการ์ตูนเกี่ยวข้องกับเรื่องความรักกับมอยร่าด้วย ผมจึงพยายามมองเธอในแบบที่ค่อนข้างแตกต่างออกไปในยามที่ผมทำได้ ฉะนั้นเวลาแฟนๆ ดูแล้ว พวกเขาจะสังเกตเห็นมันได้”


--------------------------
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
ส่งหัวข้อนี้พิมพ์
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.10 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
Nt-Sun Theme by N a t i
กำลังโหลด...