ศาลเจ้าพ่อประตูผา
หรือ พญามือเหล็ก หรือ หนานข้อมือเหล็ก
(ยอดขุนพลแห่งเขลางค์นคร)
จ.ลำปาง
อยู่ห่างจากตัวจังหวัดลำปางตามเส้นทางสายลำปาง - งาว ประมาณ 50 กิโลเมตร ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 649 - 650 ศาลตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ด้านขวามือ เป็นศาลเล็กๆ ก่ออิฐถือปูน ภายในมีรูปปั้นเจ้าพ่อประตูผาและเครื่องบูชามากมาย บริเวณใกล้เคียงมีศาลพระภูมิเล็กๆ มากมายเรียงรายอยู่ ศาลเจ้าพ่อประตูผานี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่สัญจรไปมาบนเส้นทางนี้มักแวะนมัสการและจุดประทัดถวายเจ้าพ่อประตูผาเดิมชื่อ พญาข้อมือเหล็ก เป็นผู้อยู่ยงคงกระพัน เป็นทหารเอกของเจ้าผู้ครองนครลำปาง ครั้งหนึ่งได้ทำการต่อสู้กับพม่าที่ช่องประตูผาจนกระทั่งถูกรุมแทงตายในลักษณะถือดาบคู่ยืนพิงเชิงเขา ทหารพม่ากลัวจึงไม่กล้าบุกเข้าไปตีนครลำปาง ด้วยเหตุนี้เอง ชาวบ้านจึงเกิดศรัทธาและเคารพสักการะโดยตั้งศาลขึ้นบูชาเป็นที่นับถือของชาวลำปาง
เรื่องย่อ และ ประวัติ
ศาลเจ้าพ่อประตูผา หรือ พญามือเหล็ก หรือ หนานข้อมือเหล็ก
(ยอดขุนพลแห่งเขลางค์นคร)
เป็นคน บ้านต้า (บ้านหวด อ.งาว ในปัจจุบัน) เป็นเด็กกำพร้าบิดามารดา
ได้ศึกษาวิชาอาคมอยู่ยงคงกระพันกับเจ้าอธิการวัดนายาง เขตอ.แม่ทะ ปัจจุบันสามารถใช้แขนแทนโล่ห์ได้
จนชาวบ้านเรียก " หนานข้อมือเหล็ก " ต่อมาเป็นทหารเอกของท้าวลิ้นก่าน เจ้าผู้ครองนครเขลางค์
เสียสละกล้าหาญชาญชัย มีจิตใจรักชาติบ้านเมือง ดังวีรกรรมที่จะกล่าวต่อไปนี้
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ประมาณปี พ.ศ.2251 ถึง พ.ศ.2275 แค้วนลานนาไทยและเขลางค์นคร
ตกอยู่ใต้อิทธิพลของพม่า ท้าวลิ้นก่านมีกำลังน้อยกว่าสู้ไม่ได้จึงหนีมาตั้งหลักดอยประตูผาแห่งนี้ และมอบให้ขุนนางทั้ง4
คือ แสนเทพ,แสนหนังสือ,แสนบุญเรือน,และจเรน้อย แต่ขุนนางเหล่านั้นหาได้คิดจะดูแลเมืองไม่ มีแต่คอยแย่งกันเป็นใหญ่
ดังนั้นเจ้าอธิการวัดนายางได้ร่วมกับชาวบ้านออกมาต่อสู้เพื่อกอบกู้เขลางค์นคร แต่ไม่สำเร็จท้าวมหายศพม่าผูครองนครลำพูน
เมื่อได้ชัยชนะแล้วก็หวังจะยึดครองนครเขลางค์ เอาไว้จึงส่งหาญฟ้างำ,หาญฟ้าฟื้น,และหาญฟ้าแมบไปเจรจากับขุนนางทั้ง4
แต่ไม่สำเร็จพม่าจึงฆ่าขุนนางเหล่านั้นเหลือแต่จเรน้อยที่หนีรอดไปสมทบกำลังกับท้าวลิ้นก่านที่ดอยประตูผา พม่าไล่ติดตามมาทัน
พญามือเหล็กจึงให้จเรน้อยนำท้าวลิ้นก่านไปหลบซ่อนหลังถ้ำ ตนเองถือดาบขวางเส้นทางเอาไว้ และได้ต่อสู้กับทหารพม่า
จนดาบหัก ฆ่าฟันทหารพม่าล้มตายเป็นจำนวนมาก ในที่สุดพญามือเหล็กได้อ่อนแรงลงจึงเอนกายพิงหน้าผา โดยมือทั้งสองข้างถือดาบ
อย่างสง่า และสิ้นใจในที่สุด ทหารพม่าเห็นดังนั้นคิดว่าเป็นกลอุบาย ของพญามือเหล็กจึงไม่คิดจะต่อสู้ และได้หลบหนีไปหมด
และเมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้ว ท้าวลิ้นก่านและจเรน้อยได้ออกจากที่ซ่อนตัวมาก็ได้พบว่าพญามือเหล็กได้สิ้นใจแล้ว จึงตั้งศาลเพียงตานี้ขึ้น
อัญเชิญดวงวิญญาณของพญามือเหล็ก มาสิงสถิตอยู่และตั้งชื่อว่า " ศาลพญามือเหล็ก" เพื่อเป็นที่เคารพสักการะแก่อนุชนรุ่นหลังสืบไป
ปัจจุบันเรียก " ศาลเจ้าพ่อประตูผา "
เป็นที่นับถือของคนทั่วไป จะสังเกตุได้ที่เมื่อเวลามีรถผ่านจะมีการบีบแตรรถทุกคัน
นั้นเป็นการแสดงการสัการะบูชาต่อ เจ้าพ่อประตูผาแห่งนี้มากนัก
พระคาถาขอสิ่งปรารถนา ของเจ้าพ่อประตูผาตั้งนะโม 3จบแล้วว่า
อินทะปัญญา เทวะปัญญา
พรหมะปัญญา มหาพรหมะปัญญา
อิสีปัญญา มหาอิสีปัญญา
มุนีปัญญา มหามุนีปัญญา
ปุริสะปัญญา มหาปุริสะปัญญา
จักกะวัตติปัญญา มหาจักกะวัตติปัญญา
พุทธะปัญญา ปัจเจกะปัญญา
อะระหันตะปัญญา สัพพะสิทธิวิชชาจะระณะปัญญา
สัพพะโลกาธิปะญาณะปัญญา สัพพะโลกะจะริยะญาณะปัญญา
เอเตนะปัญเญนะ เอเตนะสัจจะวะจะ เนนะ
มะมะสุวัตถิโหติ มัยหังสวาหายะ
นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ
นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง(ทีมงาน narandd.com, หน้าร้านดีดี.com)
******************************