ตั้งสัตยาธิษฐาน
เมื่อหลวงพ่อเงิน ได้สร้างอุโบสถคอนกรีต ราคาล้านเสร็จแล้ว ก็สร้างพระประธาน ประจำอุโบสถ เมื่อสร้างพระประธานเสร็จแล้ว หลวงพ่อก็มารำพึงว่าพระปฏิมากรแทนองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าองค์นี้ ก็สร้างให้มาหาชนเคารพบูชาแทนองค์พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงอยากจะได้นิลมาทำพระเนตรของพระประธานสัก 2 ดวง แต่จะได้มาจากไหนเล่า ?
วันหนึ่งหลวงพ่อจึงได้เข้าไปในอุโบสถ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย แล้วหลวงพ่อก็ตั้งสัตยาธิษฐาน เสี่ยงบารมีว่า
"ข้าพุทธเจ้า อุตส่าห์บวชอุทิศชีวิตอยู่ในพระศาสนา ก็ด้วยเคารพพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้า
ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีที่พึ่งอื่น นอกจากพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้า
ข้าพเจ้าสร้างอุโบสถขึ้นไว้ เป็นปูชนียสถานในพระพุทธศาสนา
ข้าพเจ้าสร้างพระปฏิมากรไว้สักการบูชาของมหาชน
ข้าพเจ้าปรารถนาจะได้นิลมาทำพระเนตรของพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นที่เคารพเลื่อมใสของมหาชน
ด้วยสัจจวาจานี้ ถ้าหากบุญวาสนาบารมีของข้าพเจ้ามีอยู่ ถ้าหากอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์แห่งพระพุทธานุภาพมีอยู่จริง ขอให้ได้นิลมณีมาทำพระเนตรสมความประสงค์ด้วยเถิด"
3 วันต่อมามีคน 2 คน เดินทางมาจากทางภาคเหนือมาหาหลวงพ่อ นำเอานิลเม็ดโตมา 2 เม็ด เอามาถวายหลวงพ่อว่า หลวงพ่อจะเอาไวสร้างอะไรก็ตามใจเถิด แล้วเขาก็ลาจากไป
หลวงพ่อจึงได้นิลมณี 2 เม็ด มาทำพระเนตรพระประธานสมความปรารถนา
ครั้นแล้ว หลวงพ่อก็มานั่งพิจารณาพระประธานว่า อุตส่าห์สร้างไว้สวยงามยิ่งนัก นึกอยากได้นิลมณีมาทำพระเนตรก็ได้มาแล้ว ถ้าหากว่าได้พระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธองค์มาบรรจุไว้ในพระเกศด้วย ก็จะเป็นปูชนียวัตถุอันศักดิ์สิทธิ์ น่าเคารพเลื่อมใสอย่างยิ่ง
หลวงพ่อคิดดังนั้นแล้วก็จุดธูปเทียนบูชาแล้วก็ตั้งจิตเจตนา สัตยาธิษฐานเสี่ยงบุญบารมีอีกครั้งหนึ่ง
รุ่งขึ้นก็มีคนมาหาหลวงพ่อ ขอนิมนต์หลวงพ่อไปดูอุบาสกคนหนึ่งว่าป่วยปวดหัวเข่าทนไม่ไหว ขอให้หลวงพ่อไปช่วยเป่าให้ทีเถิด หลวงพ่อก็ไปที่บ้านอุบาสกคนนั้น ซึ่งเป็นชายชรา อายุ 70 ปีเศษ นอนอยู่ หลวงพ่อจึงเข้าไปดู เห็นหัวเข่าบวมอยู่ จึงไต่ถามอาการ เขาก็บอกหลวงพ่อว่า
เมื่อคืนก่อนเขานอนฝันว่า พระบรมธาตุของพระพุทธเจ้าเข้าไปอยู่ในหัวเข่า ตื่นขึ้นมาก็ปวดเข่ามาก มีอาการบวม ขอให้หลวงพ่อเป่าให้ด้วย
หลวงพ่อถามว่า พระบรมธาตุจากที่ไหนมาเข้าอยู่ในหัวเข่า เขาตอบว่าเขามีพระธาตุบูชาอยู่บนหิ้งในบ้านนี้เอง หลวงพ่อจึงตั้งจิตอธิษฐาน แล้วอ่านโองการเป่าหัวเข่าของเขาให้
ต่อมาอีกวันหนึ่ง หลวงพ่อก็ไปเยียมอาการป่วยของเขา ด้วยเมตตาจิตตามปกติวิสัย ของหลวงพ่อ
เขาบอกว่า หัวเข่าหายบวมแล้ว หายปวดแล้ว
"พระบรมธาตุคงไม่อยากอยู่กับผมแล้ว ผมขอถวายหลวงพ่อไปด้วย" เขาบอก
แล้วเขาก็ไปเอาพระบรมธาตุมาถวายหลวงพ่อ หลวงพ่อตรวจดูก็ทราบว่า เป็นพระบรมธาตุแท้ มีลักษณะตามตำราพระบรมสารีริกธาตุ
หลวงพ่อจึงได้พระบรมธาตุนั้นมาบรรจุไว้ในพระเกศของพระพุทธรูปประธานในอุโบสถ สมความปรารถนา
วันหนึ่งพบหลวงพ่อ ผู้เขียนจึงถามหลวงพ่อว่า
"แรงอธิษฐานมีจริงหรือ ?"
"จริง" หลวงพ่อตอบหนักแน่น
"แต่การอธิษฐานนั้น ต้องตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานของความสัตย์ความจริง เป็นพื้นฐานแผ่นศิลาเมื่อเอามีดขีดลงไปย่อมมีรอย ถ้าไม่มีพื้นฐานความจริงรองรับก็เหมือนเอามีดขีดลงไปบนพื้นน้ำย่อมไม่เกิดรอย...."
ความจริงนั้น เรื่องการตั้งสัตยาธิษฐานนี้ เป็นพุทธประเพณีในพระพุทธศาสนาคนไทยนับถือปฏิบัติมาช้านานแล้ว มีเรื่องปรากฏอยู่มากมาย
พระพุทธเจ้า เมื่อก่อนวันตรัสรู้ได้รับข้าวมธุปายาสจากนางสุขาดาใส่ถาดทองมาถวาย พระพุทธองค์ฉันแล้วก็ลอยถาดในแม่น้ำเนรัญชรา ตั้งสัตยาธิษฐานว่า
"ถ้าจะได้ตรัสรู้พระธรรมาภิเศกสัมโพธิญาณ ขอให้ถาดนี้ลอยทวนกระแสน้ำ..."
ถาดนั้นก็ลอยทวนกระแสน้ำได้อย่างอัศจรรย์ พระพุทธองค์จึงทรงนั่งประทับใต้ต้นโพธิบัลลังก์ ก็อธิษฐานว่า ถ้ามิได้ตรัสรู้จะไม่ยอมลุกขึ้นจากโพธิบัลลังก์นี้เป็นอันขาด
ครั้นแล้วในคืนวันเพ็ญเดือน 6 ปีระกา ก็สำเร็จพระโพธิญาณ
พระเจ้าตากก็เสี่ยงบารมีหลายครั้ง ยกทัพขึ้นไปตีเมืองเชียงใหม่ฝนแล้ง ก็เสี่ยงบารมีให้ฝนตกจนขอนลอยในป่า เข้าตีเมืองจันท์ก็เสี่ยงบารมีทุบหม้อข้าวหม้อแกงหมด ไปตีเมืองนครก็ตั้งศาลเพียงตาเสี่ยงบารมีเมื่อเกิดพายุใหญ่ จนพายุเงียบสงบ
พระยาสุริยอภัย ก็เสี่ยงบารมีเมื่อเพลิงไหม้ขอให้ลมพัดหอบกลับเมื่อปราบกองทัพพระยาสรรค์บุรี สมัยกรุงธนบุรี ในรัชกาลที่ 1 เป็นกรมพระอนุรักษ์เทเวศ (ทองอินทร์)
แต่ผู้เสี่ยงบารมี จะต้องเชื่อมั่นว่าตนมีบารมีอันได้สั่งสมมา จะต้องอ้างเอาความสัตย์ความจริงมาตั้งลงเป็นฐานก่อนเสมอ ท่านจึงเรียกว่า "สัตยาธิษฐาน" (เอาความสัตย์เป็นฐานอันยิ่ง)
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงเสี่ยงพระบารมี เมื่อคราวตั้งธรรมยุตินิกายว่าขอให้พบพระอาจารย์ดีใน 3 วัน 7 วัน
พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลมหาราช ก็ทรงเสี่ยงพระบารมีเมื่อผนวชว่าถ้าพระองค์จะได้ทรงผนวช ก็ขอให้สมเด็จกรมหลวงวชิรญาณวงศ์ หายประชวรเพื่อจะให้พระองค์เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระสังฆราชก็หายประชวร มานั่งเป็นพระอุปัชฌาย์ให้ สมคำอธิษฐาน.
.......................................................................................