wywy
บุคคลทั่วไป
|
|
« เมื่อ: มิถุนายน 19, 2010, 10:15:50 PM » |
|
โหราไสย์ในองค์พ่อ (๑) “โหราศาสตร์” พิธีกรรม 1/2
ฟังชื่อเรื่องที่เขียนแล้วหลายท่านอาจจะรู้สึกแปลกหู อย่างนั้นลองอ่านดูสักหน่อย ว่าสิ่งที่ผมจะนำเสนอจะออกมาในรูปแบบไหน แนวใด ก่อนอื่นคงต้องอธิบายความหมายของคำที่ตั้งเอาไว้เป็นชื่อเรื่องเสียก่อน ว่ามีคำแปล หรือความหมายอย่างใด คำว่า “โหราไสย์” มาจากคำสองคำผนวกเข้าด้วยกัน คือ คำว่า โหรา หรือ โหร ที่แปลว่า ผู้ทำนายหรือผู้พยากรณ์โชคชะตา และเหตุการณ์ล่วงหน้า โดยใช้หลักวิชาที่สืบทอดกันมานานหลายพันปี ที่เราเรียกว่า “โหราศาสตร์” ส่วนคำว่า “ไสย์” หรือ “ไสยา”
แปลว่า หลับใหล ซึ่งลักษณะของการหลับใหลนั้น เราไม่อาจควบคุมจิตวิญญาณของเราในขณะนอนหลับได้ เป็นลักษณะของการลุ่มหลง มัวเมาเอาแต่นอน เพราะในขณะที่นอนหลับมักเกิดเกิดอาการฝัน หรือ เห็นในสิ่งต่าง ๆ ยิ่งฝันดีด้วยแล้ว บางคนแทบไม่อยากตื่น หรือตื่นขึ้นมาก็เกิดอาการรู้สึก อยากนอนต่อ ฝันต่อ และในทางตรงกันข้าม หากฝันร้ายล่ะก็ จะทำให้ตกใจตื่น บางคนอกสั่นขวัญแขวน ข่มตาให้หลับขับตานอนต่อไปไม่ได้เลยทีเดียว
แต่ความหมายของคำว่า “ไสย์” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการนอนหลับแล้วฝัน แต่หมายถึง การลุ่มหลงมัวเมาในสิ่งเร้นลับ ด้วยการศึกษา และใช้วิชาความรู้ในเรื่องเร้นลับมหัศจรรย์ โดยอาศัยการฝึกจิตให้เป็นสมาธิ ก่อให้เกิดพลังที่เรียกว่า “พลังจิต” ควบคู่ไปกับ การใช้เวทมนต์คาถา พิธีกรรมต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุผลในสิ่งที่ตนต้องการ ที่เราเรียกว่า “ไสยศาสตร์”
คำว่า “องค์พ่อ” ในบทความชุดนี้ ผมหมายถึง “ท้าวจตุคาม และ ท้าวรามเทพ” ที่เรียกรวมกันว่า “องค์พ่อท้าวจตุคามรามเทพ” เทพผู้พิทักษ์รักษาเมืองนครศรีธรรมราช ที่ปรากฏพระนามของพระองค์ท่านในรูปแบบของวัตถุมงคลต่าง ๆ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๐ และโด่งดังได้รับความนิยมอย่างสุดขีดในยุคสมัยปัจจุบัน มีการสร้างและออกให้บูชาตั้งแต่ต้น มาจนถึงปัจจุบัน (เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐) มากกว่า ๓๐๐ รุ่น และได้มีการจัดสร้าง กำหนดรุ่น วัน เวลา ที่จะประกอบพิธีเทวาภิเษก ปลุกเสก อย่างต่อเนื่องทุกวัน ด้วยการจองคิวที่ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช จนถึงสิ้นปี พ.ศ.๒๕๕๐ อีกประมาณ ๒๐๐ รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่น มีจำนวนวัตถุมงคล อยู่ในหลักหมื่น ถึงแสนองค์ ใครอยากรู้ว่าจำนวนที่ออกมาแล้วเท่าไร และจะออกมาอีกเท่าไร ก็ลองบวกลบคูณหารกันเอาเอง แม้กระนั้นก็ตาม ใช่ว่าจะเพียงพอกับความต้องการของศรัทธามหาชน ถึงกับมีการแย่งกันจองจนเหยียบกันตาย ขายใบจองเพื่อหากำไร แม้กระทั่ง ออกใบจองปลอม ผลิตของปลอมออกมาจำหน่ายจ่ายแจกเป็น “เทวพาณิชย์” ก็ปรากฏเป็นข่าวออกมาเนือง ๆ
สรุปความหมายของคำว่า “โหราไสย์ในองค์พ่อ” ก็คือ เรื่องราวเกี่ยวกับโหราศาสตร์ ไสยศาสตร์ ทีมาเกี่ยวข้องพัวพันกับการสร้างวัตถุมงคล หรือ ด้วยการบรรจุ หรือ จารึกไว้ในวัตถุมงคลขององค์พ่อท่านท้าวจตุคามรามเทพ ซึ่งผมจะได้รวบรวมเรียบเรียง จากหนังสือตำรับตำราทางโหราศาสตร์ ไสยศาสตร์ บทความต่าง ๆ จากสื่อข้อเขียนทั้งในวารสาร และอินเทอร์เน็ต มาให้ท่านผู้อ่านได้พิจารณากัน อ่านแล้วลองใช้ปัญญาพิจารณาตรึกตรอง ถึงความเป็นไปได้มากน้อยเพียงไร แล้วค่อยตัดสินใจด้วยตัวท่านเองว่า “ควรเชื่อหรือไม่”เริ่มต้นด้วยการอธิบายเรื่องราวของโหราศาสตร์กันก่อน ว่าเข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้อย่างใด เรื่องของโหราศาสตร์นั้น ไม่ได้มีเฉพาะการพยากรณ์อย่างเดียว แต่ยังมีภาคการคำนวณ เช่น การผูกดวง การหาฤกษ์ยาม ฯลฯ และยังมีการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น การขึ้นบ้านใหม่ การสร้างบ้านแปลงเมือง ด้วยการสร้างเสาหลักเมือง หรือ บรรจุดวงเมือง, การโกนจุก, การตัดไม้ข่มนาม, การ ตั้งศาลพระภูมิ ฯลฯ ซึ่งการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ต้องใช้วิชาความรู้ในเรื่องของอาถรรพณ์ และไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการสร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๓๐ นั้น มีพิธีกรรมทางด้านโหราศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการสร้างศาลหลักเมืองอย่างมากมาย ซึ่งผมจะขอคัดลอกบทความจากเวปไซด์ “หลักเมือง ๓๐” มาให้อ่านกัน ดังนี้ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราชอันเป็นที่ประดิษฐานหลักเมืองของจังหวัดนครศรีธรรม ราช สร้างขึ้นตามข้อเสนอแนะ ของคณะกรรมการสร้างสิ่งที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ประกอบด้วยคณะกรรมการหลายฝ่าย ทั้งภาครัฐ พ่อค้า ประชาชน ในที่ดินของราชพัสดุ บริเวณทิศเหนือของสนามหน้าเมือง มีเนื้อที่ประมาณ ๒ ไร่อาคารหลัก ประกอบไปด้วยอาคาร ๕ หลัง หลังกลางเป็นที่ประดิษฐานหลักเมือง ลักษณะของการออกแบบมีศิลปะคล้ายศิลปะศรีวิชัย วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ ส่วนอาคารเล็ก ๔ หลัง ถือเป็นบริวารประจำทิศทั้ง ๔ เรียกว่า ศาลจตุโลกเทพ ประกอบด้วย พระเสื้อเมือง , พระทรงเมือง, พระพรหมเมือง, และ พระบันดาลเมือง วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ เสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ผู้ออกแบบอาคารศาลหลักเมืองคือ ยุทธนา โมรากุลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้า ฯ ให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จ ฯ มาทรงเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๓ การก่อสร้างศาลหลักเมืองของนครศรีธรรมราช ใช้เวลาดำเนินการตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสมบูรณ์เป็นเวลาสิบกว่าปี เหตุที่ล่าช้าเนื่องมาจาก การดำเนินการแต่ละขั้นตอน ประกอบด้วยพิธีกรรมสำคัญ ๆ หลายครั้ง ต่างวาระอย่างต่อเนื่อง บางพิธีกรรมจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาย้อน กลับไปเมื่อช่วงประมาณปีพุทธศักราช ๒๕๒๘ พื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เกิดปัญหาอาชญากรรม อิทธิพลอำนาจมืด และนับวันจะเพิ่มทวีความรุนแรงขึ้น รัฐบาลภายใต้การนำของ ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.สิทธิ์ จิระโรจน์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เร่งรัดให้กรมตำรวจ คัดเลือกนายตำรวจฝีมือดีไปแก้ไขปัญหาโดยด่วนพันตำรวจเอก สรรเพชญ ธรรมาธิกุล (ยศ ขณะนั้น) คือ นายตำรวจที่ได้รับการคัดเลือกในครั้งนั้นให้ไปดำรงตำแหน่ง ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อปราบปรามโจรผู้ร้าย และเหล่ากลุ่มอิทธิพลอำนาจมืดทั้งหลายวันหนึ่ง ณ วัดนางพระยา บ้านปากนคร เทวดารักษาเมือง (องค์จตุคามรามเทพ) ได้สร้างความอัศจรรย์ด้วยการประทับทรง นายอะผ่อง สกุลอมร บอกกล่าว ต้องการให้ช่วยสร้างหลักเมือง ทำจากไม้ตะเคียนทอง งอกอยู่ทางทิศเหนือของเมืองนครศรีธรรมราช องค์จตุคามรามเทพ บอกและอธิบายอีกว่า..ในตอนนี้เราต้องทำพิธีกรรมก่อน มีหลายพิธีที่ต้องใช้เวลา เช่น พิธีกรรมเทพชุมนุมตัดชัย ทำในวิหารหลวง ให้ปักธงศรีวิชัยขึ้นห่มพระธาตุ เป็นนัยว่าเราเปิดธงรบกับพวกเหล่าร้าย เช่น พวกโจร หรืออาถรรพณ์จัญไรต่าง ๆ ที่รบกวนเมืองนครฯ..และคณะดำเนินการสร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๒๘ เป็นต้นมา ได้มีการประกอบพิธีกรรมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินไปตามคำบอกกล่าวของเทวดารักษาเมืองหรือ องค์จตุคามรามเทพทุกขั้นตอนเป็นลำดับพิธีกรรมต่างๆ ในวาระการสร้างหลักเมือง นครศรีธรรมราช มีดังนี้
๑. พิธีกรรมเผาดวงชะตาเมือง กระทำที่ป่าช้าวัดชะเมา ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เป็นการล้างอาถรรพณ์ดวงชะตาเมืองเดิม ซึ่งเรียกว่า ดวงราหูชิงจันทร์ หรือ ดวง พินธุบาทว์ ลักษณะดวงดาวเสาร์ ซึ่งเป็นดวงภัยเล็งจุดกำเนิด วางดาวอังคารให้อยู่ในภพที่ห้า เจ้าของดวงชะตาเช่นนี้เหมือนถูกสาป อาภัพอัปภาคย์ บ้านแตกสาแหรกขาด ต้องโทษทัณฑ์ไม่หยุดหย่อน เดือดร้อนไม่มีที่สิ้นสุด บ้านเมืองเจริญอยู่ได้ไม่นาน ก็ต้องเสื่อมทรามตกต่ำลง การเผาดวงชะตาในครั้งนี้ ใช้ เพชฌมาตฤกษ์ คือ เลยเที่ยงคืนไป ๑ นาที ของปลายปี พ.ศ. ๒๕๒๘
๒. พิธีลอยชะตาเมือง เพื่อทำลายดวงชะตาเมืองเดิม ทำแพจากต้นกล้วยเถื่อน (กล้วยไม้) , เก็บดิน ๔ มุมเมือง , น้ำ ๕ ท่า , ดาบเก่า ๔ เล่ม , รูปคนทำด้วยดินปั้น ๔ รูป , เสาไม้ตะเคียนทอง ๑ ต้น , พญาโหรา เรียกอาถรรพณ์จัญไร บรรจุลงต้นตะเคียนทอง เสกคาถาลงยันต์ครบถ้วนแล้วนำไปลอยที่ปากน้ำปากนคร
๓. พิธีกรรมสะกดหินหลัก กระทำที่บริเวณฐานพระสยม ตลาดท่าชี ต.ใน เมือง หินหลักเป็นสิ่งที่พวกพราหมณ์ดั้งเดิม ฝังอาถรรพณ์เสนียดจัญไรเอาไว้ ซึ่งสร้างความวิบัติเสื่อมเสียแก่เมืองนครศรีธรรมราชตลอดมา
๔. พิธีปลุกยักษ์วัดพระบรมธาตุ ยักษ์ ๒ ตน ที่บันไดทางขึ้นองค์พระบรมธาตุ ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาทำหน้าที่รักษาบ้านเมือง หลักจากถูกอาถรรพณ์สะกดมานาน นอกจากนั้นยังปลุกพระมหากัจจายนะ พระปัญญา พระพาย และเทวดาอีกด้วย
๕. พิธีปลุกพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระทั้งสององค์สถิตอยู่ ณ หอพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งหลับใหลมานานปี ให้ตื่นขึ้นมาช่วยบ้านเมือง
๖. พิธีกรรมพลิกธรณี กระทำ ที่ริมรั้วป่าช้าวัดชะเมา พลิกดินที่ชั่วร้ายสกปรกฝังไว้เบื้องล่าง เอาดินดีขึ้นมาไว้เบื้องบน เพื่อบ้านเมืองจะได้ร่มเย็นเป็นสุข เจริญรุ่งเรืองต่อไปในวันข้างหน้า
๗. พิธีกรรมเทพชุมนุมตัดชัย กระทำที่วิหารหลวง วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๙ เวลา ๑๒.๓๙ น. ตรง กับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๗ ค่ำ เดือนยี่ ปีฉลู นับเป็นพิธีกรรมสำคัญยิ่ง ดำเนินการตามแบบอย่างของชาวเมืองสิบสองนักษัตร์โบราณ จากคำบอกกล่าวของพญาหลวงเมือง การทำพิธีครั้งนั้นมี พระเทพวราภรณ์ (พระธรรมรัตโนภาส ในปัจจุบัน) เป็น ประธานฝ้ายสงฆ์ พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นประธารฝ่ายฆราวาส
จุดมุ่งหมายของพิธีกรรมนี้นอกจากเพื่อสร้างสวัสดิมงคลแก่จังหวัดนครศรีธรรม ราช จากการเจริญพระพุทธมนต์ และแสดงพระธรรมเทศนาของพระสงฆ์แล้ว เทวดารักษาเมือง ยังมาชุมนุมเสกผ้ายันต์สิบสองนักษัตรจำนวน ๓,๐๐๐ ผืน เขียนผ้ายันต์จำนวน ๑๐๘ ผืน และประกาศบอกกล่าวแก่ผู้คนให้มาช่วยกันสร้างศาลหลักเมือง
๘. พิธีกรรมตอกหัวใจสมุทร เพื่อให้ดวงชะตาเมืองถูกบรรจุด้วยธาตุทั้ง ๔ กระทำ ณ สี่แยกคูขวาง เมื่อวันพุธที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๙ ตรงกับแรม ๑๒ ค่ำ เดือนยี่ เวลาประมาณ ๑๘.๓๐ น. โดยนายอเนก สิทธิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมัยนั้น เป็นประธานแทน ฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ การที่เลือกบริเวณกลางสี่แยกคูขวาง เป็นจุดตอกหัวในสมุทร เพราะจุดดังกล่าวได้ศูนย์กับองค์พระธาตุ ภูเขามหาชัย และได้ศูนย์กับทิศทั้ง ๘ ตามตำราของชาวเมืองสิบสองนักษัต
๙. พิธีฝังหัวใจเมือง กระทำเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๔ ปีฉลู เวลา ๑๑.๓๙ น. ณ จุดตอกหัวใจสมุทร ด้วยการขุดหลุดลึก ๙ ศอก (ลึกจนถึงน้ำ) เจ้า พิธีอ่านโองการ อุปกรณ์พิธีกรรมฝังหัวใจเมือง ประกอบด้วยสิ่งของ ๗ ชนิด คือ หัวใจเมืองทำด้วยดินเผาผสมทรายหาดทรายแก้ว จากวัดพระบรมธาตุ จำนวน ๗ ชิ้น แต่ละชิ้นกว้าง ๙ นิ้ว ยาว ๙ นิ้ว หนา ๒ นิ้ว เขียนดวงชะตาเมือง หัวใจเมือง มีอยู่ ๓ ชิ้นที่ได้นำเอาโลหะมงคล ทอง นาก เงิน (สามกษัตริย์) ปิดหน้าคั่นกลางระหว่างแผ่นหัวใจเมือง แผ่นไม้ตะเคียนทอง กว้างและยาว ๑๒ นิ้ว รองรับแผ่นหัวใจเมืองแผ่นไม้นี้ องค์ จตุคามรามเทพกรีดโลหิตเขียนคาถาอาคม หัวใจพ่อ หัวใจแม่ ทำจากไม้ตะเคียนทอง กลึงเป็นรูปบัวตูมยาวประมาณ ๑ ศอก จำนวน ๒ อัน ฝังลงในหลุมรวมกับแผ่นหัวใจเมือง ดินจากทุกตำบล ทุกหมู่บ้านในเมืองสิบสองนักษัตร ที่ประชาชนนำมาใส่ลงในหลุมด้วย วัตถุธาตุแทนธาตุ ๔ ประกอบด้วย ถ่าน (แทนธาตุไฟ) , เกลือ (แทนธาตุน้ำ) , ข้าวเปลือก (แทนธาตุลม) , ทราย (แทนธาตุดิน) , พญาไม้มงคล ๙ ชนิด ได้แก่ ราชพฤกษ์ , ชัยพฤกษ์, กันเกรา, สัก, ทรงบาดาล, พยุง, ทองหลาก หรือทองหลาง, ไผ่สีสุก และขนุนทอง, ผ้าสี ๑๒ ผืน ผืนล่ะสี วางก้นหลุมเป็นลำดับแรก ทุกอย่างใส่ลงในหลุมทั้งหมด (ยังมีต่อ)
๑๐. พิธีกรรมประติมากรรม (แกะสลัก) ได้แกะสลักหลักเมืองด้วย ไม้ตะเคียนทองทั้งต้น ซึ่งได้มา จากเขายอดเหลือง ในท้องที่ตำบลกะหรอ อำเภอท่าศาลา (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอนบพิตำ) มีลักษณะแปลก คือ บริเวณรอบโคน มีลักษณะเตียนโล่ง ซึ่งเรียกว่า ลานนกหว้า หรือ ตะเคียนใบกวาด การแกะสลักทำที่บ้านพัก ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราชขณะนั้น คือ พ.ต.อ.สรรเพชร ธรรมาธิกุล
---------------------------------------
|