การอ่านเรือนชะตาเมอรีเดียน

[pong]

การอ่านเรือนชะตาเมอรีเดียน

 

 
เรือนชะตาเมอรีเดียนจะแสดงความต้องการที่แท้จริงของจิตใจ  ความอยากได้ อยากมี อยากเป็นของเจ้าชะตา ที่ซ่อนอยู่ลึกๆใต้จิตสำนึกในใจ

ส่วนมากคนเอเชีย ที่อาศัยอยู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างพวกเรา หรือพวกที่เกิดและอาศัยอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรของโลก เวลาผูกดวงชะตาราศีจักรแล้วมักจะมี  ลัคนา  ตั้งฉากกันกับ  เมอรีเดียน  เสมอ    กล่าวคือ       เรือนชะตาเมอรีเดียน มักจะอยู่ภพที่ 10 (กัมมะ) จากลัคนา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ดาวที่สถิตอยู่ในภพกัมมะ จะต้องเป็นอาชีพการงานของเจ้าชะตาเสมอไป อาจเพียงแค่แสดงยศศักดิ์หลักฐานหรือตำแหน่งหน้าที่การงาน (องค์เกณฑ์) ชื่อเสียงที่เจ้าชะตาได้รับจากงานที่ทำอยู่ก็เป็นได้

เรือนชะตาลัคนาโดยภาพรวมแล้วเป็นการอ่านว่าเจ้าชะตานั้นไปทำงาน หรือ อาศัยอยู่กับใคร อยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างไร? ติดต่อกับใครบ้าง ?

ใครมีอิทธิพลอำนาจในการตัดสินใจของเจ้าชะตาเป็นอย่างสูง ?

***แต่คนเอเซียส่วนใหญ่จะมี ลัคนา ตั้งฉากกันกับ เมอรีเดียน จึงทำให้เปรียบเสมือน ลัคนา ทับซ้อนกับ  เมอรีเดียน ไปด้วย ดังนั้นเจ้าชะตาจะชอบอะไร อยากทำงานอะไร มักมีคนรอบข้างเช่นพ่อแม่ พี่น้อง ภรรยาหรือแม้กระทั่งเพื่อน ญาติ ผู้ใหญ่ เข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจว่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ได้หรือไม่ได้ทุกครั้งไป  มันเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ถูกปลูกฝังกันมา  จากรุ่นสู่รุ่น  ฝังรากลึกอยู่ในสายเลือด  จนบางทีผสมกลมกลืนกันไป จนแยกไม่ออกว่า จริงๆแล้ว ตัวตนที่แท้จริงของเรานั้นอยากที่จะเป็นอะไรกันแน่เพราะทุกคนที่อยู่ใกล้ชิดเรามักมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของเราไปหมด จึงหล่อหลอมให้คนเอเชียทุกคนจะมีท่าที  มีบุคลิก  เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือมักจะเป็นคนลังเลกล้าๆกลัวไม่กล้า  ที่จะคิดให้แตกต่างไม่กล้าทำ ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่กล้าแสดงออกในสิ่งที่จะทำให้ผู้ใหญ่ไม่ชอบ  หรือกลัวคนอื่นๆหมั่นไส้ คือไม่อยากขัดใจ ไม่อยากมีเรื่อง อยากอยู่อย่างสงบๆ ปลอดภัยไว้ก็พอ เจ้านายจะมีนโยบายอย่างไร? จะสั่งให้ทำอะไร?ก็ไม่กล้าเถียงแม้จะถูกสั่งให้ทำในสิ่งที่ผิดๆ ก็ตาม ไม่เหมือนฝรั่งชาติยุโรปที่มีถิ่นที่อยู่อาศัย อยู่เหนือ เส้นรุ้งที่ 45 องศาขึ้นไป เวลาผูกดวงชะตาราศีแล้วจะมี ลัคนา ห่างจาก เมอรีเดียน ออกไปมากกว่า 90 องศาบางทีห่างกันห้าราศีก็มี ดังนั้นพวกฝรั่งจึงมีค่านิยม ความคิดและ วัฒนธรรมประเพณี ความเชื่อที่ถูก สอนกันมาให้ช่วยเหลือตัวเอง ต้องพึ่งพาตนเองเป็นที่ตั้ง และให้ฉลาดในการเรียนรู้จากประสบการณ์ จากโลกภายนอกจากชีวิตจริงๆ ที่เป็นอยู่  มากกว่าการท่องจำในตำราแบบนกแก้วนกขุนทอง และ คอยแต่จะเชื่อฟังและปฏิบัติตามเพียงอย่างเดียวแบบคนเอเชีย โดยไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเพราะระบบซีเนียร์/จูเนียร์ยังแรงอยู่เป็นอย่างมากนั้นเองในสังคมของบ้านเรา

เรือนที่ 1 สะท้อนเรือนที่ 12

เรือนที่ 1   ลักษณะพิเศษของเจ้าชะตาที่ได้รับอิทธิพลมาจากบรรพบุรุษ และได้รับการสั่งสมกันมาแต่ชาติปางก่อน ความชอบไม่ชอบในสิ่งใด?

ความฉลาดในการปรับตัวความเห็นแก่ตัวหรือรู้รับผิดชอบชั่วดีเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น ความฉลาดอยากเรียนรู้จากการทำงานและรู้จักวิเคราะห์หรือไม่ เรือนนี้จะเป็นต้นทุนของเจ้าชะตาตลอดทั้งชีวิต ในขณะเดียวกันก็สามารถเป็นบ่อเกิดแห่งความยุ่งยาก บังเกิดทุกข์ ต้องติดคุกมีคดีความ มีหนี้สินล้มละลาย ต้องหนีหนี้หัวซุกหัวซุนไม่มีบ้านจะอยู่ก็อาจเป็นได้ เพราะเรือนที่ 1 สะท้อนเรือนที่12 นั้นเองดังนั้นหากว่าดาวต่างๆในเรือนที่ 1วัดมุมถึงดาวในเรือนที่ 12(พับจาน 22.30 ก็จะเห็นว่าดาวสองเรือนนี้ทับซ้อนกันหรือห่างกันได้ไม่เกิน 1 องศา) ถ้าเป็นดาวที่บอกความหมายในทางร้ายแรงก็จะแสดงผลออกมาทางร้ายแต่ถ้าไม่มีดาวร้ายๆวัดมุมถึงกันทั้งสองเรือนนี้ก็ไม่มีเรื่องร้าย หรือ คดีความใดๆ ?

**สรุปว่าเรือนที่1บ่งบอกถึงศักยภาพและแบบฉบับของเจ้าชะตาที่แอบแฝงอยู่ภายในจิตใจ กับวิธีการที่จะต่อสู้กับโชคชะตาของเขา                                เรือนที่ 12  เป็นการเชื่อมต่อกับเรือนที่ 1 และเรือนนี้ก็เป็นวาระสุดท้ายของเรือนที่ 1 ด้วยมันจะแสดงกรรมเก่าของเจ้าชะตา และความผิดพลาดต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิต ความชั่วที่เคยก่อขึ้น ถ้ามีดาวร้ายๆมาสถิตอยู่และส่งผลให้เราทำการผิดพลาดหรือก่อกรรมชั่วใดๆ? เราควรที่จะแก้ไขและปรับปรุงตัวเสียใหม่ เพื่อลดละการกระทำในทางที่ผิดนั้นเสีย เรือนที่ 12 ( กรรมเก่า) นี้เป็นเรือนที่บอกเหตุแห่งความโชคร้าย และความล้มเหลวของเจ้าชะตาโดยตรง ดังนั้นหากว่าเจ้าชะตาขาดความกระตือรือร้นที่จะแก้ไขในสิ่งผิดขาดการเตรียมพร้อมที่จะ กระโดดไปข้างหน้า( เรือนที่1) ไม่มีความพร้อมที่จะเกิดเป็นคนใหม่ เอาแต่โทษตัวเอง เก็บตัว ปลีกตนจากสังคม ขังตัวเองอยู่แต่ในบ้าน ตัดขาดจากโลกภายนอก  หมดอาลัยตายอยากในชีวิต มันจะกลายเป็นผลร้ายแบบ ( เรือนที่12 ) ทันที ดังนั้นความหมายที่เลวของเรือนที่ 12 จะทรงอิทธิพล หากว่าเจ้าชะตาขาดซึ่งแรงบันดาลใจ และถ้าใจไม่สู้ เอาแต่คิดว่าหมดหวังขาดการเตรียมพร้อมที่จะตั้งต้นใหม่ สำหรับชีวิตใหม่ในวันข้างหน้า ดาวในเรือนที่ 12 ก็ย่อมส่งผลเลวร้ายต่อเจ้าชะตาทุกคราวเสมอไป

ข้อสรุป ก็คือถ้าจะดูกรรมที่จะตามมาอ่านได้จากเรือนที่ 1 และเรือนที่ 12 มีความสัมพันธ์กันอย่างไร?ผลรวมการพยากรณ์ออกไปในทางดีหรือร้ายเพียงใด ? ก็ดูได้จากดาวที่สถิตอยู่ในภพนั้นเป็นตัวบอกเรื่องราว

เรือนที่ 2 สะท้อนเรือนที่ 11

เรือนที่ 2  บ่งบอกถึงความหมายของฐานะความเป็นอยู่ที่เกี่ยวกับ วัตถุ

ข้าวของ เงินทอง สิ่งของต่างๆที่เขาหามาเก็บสะสมไว้  ปัญญาทางด้านความคิดความฉลาดในการทำมาหาเก็บ และชนิดของสมบัติที่เจ้าชะตาฝักใฝ่หามาเก็บสะสมไว้

เรือนที่ 11 จะให้ข่าวสารเกี่ยวกับเพื่อนสนิทมิตรสหาย ที่เจ้าชะตาเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดนั้นมีมิตรภาพที่ดีต่อกันมากน้อยเพียงใด ? เอื้อเฟื้อผลประโยชน์ให้กันดีหรือไม่? การได้รับการคุ้มครองป้องกันช่วยเหลือเกื้อกูลกันในยามตกทุกข์ได้ยากมีผลหรือไม่ ? สัมพันธ์ภาพในที่ทำงานของตนต่อผู้บังคับบัญชา และ การดำรงตนในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชา กับลูกน้อง  ดังนั้นผู้ที่คบหาใกล้ชิดเรา เจ้านายเรา ลูกน้องเรา จะมีผลต่อความเจริญเติบโตในตำแหน่งหน้าที่การงานซึ่งจะส่งผลให้มีงานทำที่ดี ที่ชอบมีเงินเดือนสูงและมีรายได้มั่นคงตามมานั้นเอง(เรือนที่2 กดุมภะ)

เรือนที่ 3 สะท้อนเรือนที่ 10

เรือนที 3คือการเรียนรู้ที่จะฝึกฝนตนเองให้มีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกันกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข รู้จักการทำงานกันเป็นทีม และเรียนรู้ระบบที่จะประสานงาน หรือ ติดต่องานกับผู้อื่น รวมทั้งการทำความรู้จักกับเพื่อนบ้าน บ้านใกล้เรือนเคียง รวมถึงการวางตัวในสังคมด้วย

(สรุปคือแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดความคิดคำนึงใฝ่ศึกษาหาความรู้ที่จะนำไปสู่ผลของการปฏิบัติตนในชีวิตประจำวันนั้น ก็คือ เพื่อนสนิท มิตรสหายในที่ทำงาน ญาติพี่น้อง หรือ แม้แต่เจ้านายของเรา ที่เราไว้วางใจสามารถขอคำปรึกษาได้ จะทำให้เรามีแนวทางในการปรับปรุงตัวเองทั้งต่อสังคมและมีผลต่อกิจกรรมอาชีพการงานในอนาคต)

เรือนที่ 10  ดาวในเรือนที่ 10 จะแสดงผลทางด้านจิตใจของเจ้าชะตาที่มีต่อการงานอาชีพที่ตนเองรัก ชอบ และถนัด และอยากที่จะทำโดยอ้างอิงมาจากแรงกระตุ้นของดาวในภพที่3เป็นหลัก ดาวในภพที่ 3จะมีอิทธิพลสูงมาก ทางด้านความคิด และ การตัดสินใจก้าวเข้าสู่อาชีพของเจ้าชะตา

(เรือนที่ 3 และเรือนที่ 10 คือกรรมใหม่ ที่เจ้าชะตาเป็นผู้กำหนดขึ้นเอง)

ถ้ามีดาวในภพที่ 3ดีมีกำลัง หมายถึงมีที่ปรึกษาดี มีเพื่อนดี หรือมีญาติพี่น้องดีที่ให้คำปรึกษาชี้นำและให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง และสัมพันธ์ถึงดาวในภพที่ 10 คือพื้นฐานทางด้านจิตใจของเจ้าชะตามีความพร้อมที่จะรับสิ่งใหม่ๆและสามารถนำไปประยุกต์ปรับปรุงไปใช้ได้ถูกต้องกับดวงก็เป็นการได้เปรียบที่ค้นพบตัวเองได้เร็ว ไม่ต้องหลงทางเสียเวลาไปลองผิดลองถูก ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ถ้าไม่มีดาวชีวิตก็ราบเรียบไม่เด่น ถ้ามีดาวเสียๆสัมพันธ์ถึงคิวปิโด หรือมีดาวเสาร์สัมพันธ์ถึงดาวโครโนส

ก็ไปไม่รอดทำงานที่ไหนไม่นานก็ต้องลาออกเปลี่ยนงานใหม่เป็นว่าเล่น

เรือนที่ 4 สะท้อนเรือนที่ 9

เรือนที่ 4 (พันธุ) เป็นเรือนที่มีความหมายเกี่ยวกับบ้านเกิดของเจ้าชะตาอันประกอบด้วยคนที่อยู่ร่วมกับเจ้าชะตามาตั้งแต่เกิดด้วย เช่น พ่อ แม่  ลุง ป้า น้า อา ญาติพี่น้องที่สืบสายโลหิตเดียวกัน รวมทั้งบุคลิก ลักษณะ

ที่สืบทอดมาทางกรรมพันธุ์ของเจ้าชะตา เรือนนี้ยังเป็นทั้งเรือนเกิด และเรือนตายของเจ้าชะตาอีกด้วย ถ้ามีดาวดีๆมีกำลังอยู่ในเรือนนี้ และเรือนที่ 9(ศุภะ)ยังวัดมุมถึงดาวดีๆมีกำลังเกื้อหนุนกันก็แสดงว่าเรามีพ่อแม่ที่ดี มีหน้าที่การงานที่ดีหรือมีฐานะดี สามารถเลี้ยงดูเรามาได้ดี ให้การกินอยู่และการศึกษาที่ดีที่สุดเท่าที่คนเป็นบุพการีคนหนึ่งจะทำเพื่อลูก จะส่งผลยาวนานไปถึงในอนาคตอีกด้วยเมื่อเราตั้งต้นสตารท์ได้ดี  มีความมั่นคงทางบ้านคอยสนับสนุนในทุกสิ่ง ที่เป็นปัจจัยสี่ มีการศึกษา มีความรู้สูง เจ้าชะตาก็ต่อยอดออกไปได้สบายมีชีวิตค่อนข้างราบรื่นไร้อุปสรรคใดๆ

ชีวิตจะดำเนินไปตามเสต็ป คือเรียนจบ  มีงานทำ เก็บเงินซื้อรถ แต่งงาน  มีลูก ซื้อบ้านทำเรือนหอ แต่ถ้าดาวในภพที่ 4 (พันธุ)ไม่แข็งแรง ดาวในภพที่ 9(ศุภะ) ไม่ขานรับกันหรือดาวไม่ดียังอ่อนแอ ชีวิตตั้งแต่วัยเด็กจวบจนวัยรุ่นน่าเป็นห่วงแน่นอน บางคนก็กำพร้าไม่มีพ่อแม่ หรือพ่อแม่เลิกกัน ตัวเองไร้คนส่งเสียไม่มีการศึกษา โตขึ้นอนาคตจะเป็นอย่างไร?

(อนาคตของคนในชาติจะเป็นคนที่มีคุณภาพเพียงใด?ย่อมขึ้นอยู่กับทางบ้านและครอบครัวเป็นตัวจักรสำคัญในการสร้างคนป้อนเข้าสู่สังคม)


มีต่อ อีก3กะทู้
-------------------------------------------------------

[pong]

กะทู้ที่2

เรือนที่ 9 (ศุภะ) เรือนนี้เป็นความคิดที่สูงกว่าระดับสามัญของเรือนที่ 3

เพราะเป็นความคิดในระดับปรัชญา ความอยากรู้แจ้งในทุกสิ่งทั้งศาสนาการเมือง สังคม และแนวความคิดในเชิงวิทยาศาสตร์ ที่ต้องมีเหตุมีผลรองรับ เรือนนี้จริงๆแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ หรือการเดินทางไปอยู่ต่างประเทศเลย นอกเสียจากว่าดาวในเรือนที่ 9 นี้สัมพันธ์โดยตรงกับจุดเจ้าชะตาหรือมีจุดเจ้าชะตาไปอยู่มากกว่า 1 ดวง หรือว่ามีดาวหลายดวงในเรือนที่ 9 สัมพันธ์ถึงจุดเจ้าชะตา จึงจะส่งผลให้เจ้าชะตาต้องมีการเดินทางไปศึกษาต่อ ยังต่างประเทศในช่วงวัยรุ่นและส่งผลต่อเนื่องทำให้เกิดการเกี่ยวพันทางด้านการได้งานทำยังต่างประเทศ หรือถ้าเกี่ยวโยงไปถึงภพที่ 4 สัมพันธ์กันดีเจ้าชะตาอาจต้องย้ายถิ่นฐาน ไปสร้างบ้าน สร้างครอบครัวใหม่ยังต่างถิ่นแดนไกลเพราะผลต่อเนื่องมาจากทางด้านอาชีพการงานเป็นจุดเริ่มต้นนั้นเอง

เรือนที่ 5 สะท้อนเรือนที่ 8

เรือนที่ 5(ปุตตะ) จะแสดงออกทางด้านจิตใจของเจ้าชะตาในช่วงวัยเด็ก

ว่ามีความมั่นคงแข็งแรง มีจิตใจที่เติบโตเป็นปรกติเพราะมีครอบครัวที่ดีให้ความรักความอบอุ่นอย่างเพียงพอหรือไม่ ? ถ้าในวัยเด็กสุขภาพจิตดี โตขึ้นก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมีคุณภาพ ถ้าในวัยเด็กสุขภาพจิตเสียหายเพราะต้องมีชีวิตต้องอดมื้อกินมื้อ สถานภาพของครอบครัวแตกแยก พ่อแม่หย่าร้างกัน หรือพ่อชอบดื่มเหล้าพอเมากลับมาก็ตบตีแม่ด่าทอ พูดจาหยาบคาย ให้เด็กได้เห็นทุกวัน หรือตัวเองก็โดนตีโดนด่าทุกวันด้วย ต้องทนทุกข์ต่อสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายไม่มีความสุข สภาพแวดล้อมที่โหดร้ายที่เห็นจนเจนตามาตั้งแต่เล็ก จะหล่อหลอมเด็กให้ให้มีจิตใจที่โหดเหี้ยม   ใจร้ายต่อผู้อื่นและเห็นแก่ตัว ปลีกตนไม่สนใจสังคมอีกต่อไปเพราะเขาคิดว่าสังคมทอดทิ้งเขาก่อน สภาพสังคมของคนหาเช้ากินค่ำ สังคมของคนใช้แรงงาน ที่อาศัยรวมอยู่ในชุมชนแออัด(สลัม)ในประเทศเอเชีย รวมทั้งประเทศไทยมีมากถึง75เปอร์เซ็นต์ ของพลเมืองในกรุงเทพฯโดยเฉพาะคนต่างจังหวัดที่เข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ มักอยู่กันอย่างแออัดในถิ่นที่มีค่าเช่าถูกๆ หรือรุกล้ำที่สาธารณะของรัฐบาล เช่นใต้สะพานลอย หรือ แม้แต่สันเขื่อนปูนที่กั้นคลองระบายน้ำเน่าที่มีเนื้อที่สันเขื่อนแค่ครึ่งเมตรชาวบ้านเหล่านี้ก็เอาไม้กระดานมาต่อมาเสริมยื่นออกไป ในคลองสร้างเป็นบ้านอยู่อาศัยฟรีๆไม่ต้องเสียค่าเช่าพอมาอาศัยอยู่กันมากๆ เข้าก็สร้างเป็นชุมชนแออัดแห่งใหม่ขึ้นมาอีกไม่รู้จบ  จึงเป็นบ่อเกิดในการสร้างบุคคลที่ไร้สมรรถภาพออกมาได้มากกว่าครอบครัวที่อบอุ่นที่เป็นชุมชนส่วนน้อยของสังคม (หมอดูเลยขายดี)

พอโตขึ้นมาเป็นวัยผู้ใหญ่  ภพที่ 5 จะแสดงผลของความประพฤติ  และมารยาทของเจ้าชะตาที่จะแสดงออกต่อสังคม และความชอบในการเล่นกีฬาหรือการออกกำลัง ประเภทของกีฬาที่ชอบดาวในภพนี้จะบอกได้

และยังสามารถบอกได้ว่าชอบเด็กอยากมีบุตรหรือไม่อยากมีเพราะไม่อยากรับผิดชอบดาวในภพนี้ก็บอกได้

ภพที่ 8 (มรณะ) เป็นภพที่แสดงผลของการสูญเสียของคนในครอบครัวท่าทีของเจ้าชะตาที่มีต่อความตาย ความกลัวที่จะมีชีวิตในโลกหน้าเป็นอย่างไร?เพราะสะท้อนเรือนที่ 5 ที่เป็นเรือนแห่งความสุข ความบันเทิง และแสดงผลการตายของเจ้าชะตาด้วยว่าจะเสียชีวิตอย่างไร? อยากตายแบบไหน?เรือนที่ 8 ยังเป็นเรือนแห่งการนับถือศาสนา ถือศีล สวดมนต์มีธรรมะในใจของเจ้าชะตาด้วย เพราะถ้าหากว่าเจ้าชะตาหวังที่จะมีชีวิตที่ดีในโลกหน้า เจ้าชะตาก็จะเร่งทำดี ทำบุญสุนทาน เข้าวัดฟังธรรม ไม่กล้ากระทำความผิด ถ้ามีจิตใจใฝ่ต่ำ โหดเหี้ยม ทำร้ายคนอื่นจี้ชิงปล้นฆ่าข่มขืน เป็นโจรใจบาปชีวิตในโลกหน้าก็จะมีผลของกรรมในชาตินี้ติดตัวไปให้ชดใช้อย่างแน่นอน


มีต่ออีก1 กะทู้
-----------------------------------------------------------

[pong]

กะทู้ที่3

ภพที่ 6 สะท้อนเรือนที่ 7

เรือนที่ 6 ( อริ ) เป็นเรือนแห่งการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น และอุปสรรคทุกรูปแบบในชีวิตที่เจ้าชะตาจะต้องฟันฝ่าผ่านมันไปให้ได้ เจ้าชะตาจะต้องระดมต้นทุนทั้งหมดของชีวิตที่ได้มาจากภพที่ 4 และ 9 นำมาใช้อย่างเต็มที่และอย่างชาญฉลาด ภพนี้ยังบอกถึงระดับภาระความรับผิดชอบของเจ้าชะตาต่อคู่ครองจะมีมากน้อยเพียงใด?(เรือนที่6สะท้อนเรือนที่ 7) รวมทั้งศัตรูในหน้าที่การงานที่จะมีมาในสายงานอีกด้วย

เรือนที่ 7 (ปัตนิ) เรือนแห่งคู่ครองและหุ้นส่วน  ดาวในภพนี้จะบอกถึงบุคลิกหน้าตา รสนิยมของเจ้าชะตา ที่จะเลือกคู่ครองมาร่วมชีวิตกัน

ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่การงานหรืออาชีพที่จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้อื่นหรือต้องหุ้นหรือต้องทำงานร่วมกับผู้อื่นดาวในภพนี้จะแสดงถึงท่าทีของเจ้าชะตาที่มีต่อบุคคลอื่น ความเกรงใจ ความสุภาพอ่อนน้อม ถ่อมตน หรือ ความแข็งกระด้างไม่เกรงใจผู้ใด?ความรู้สึกทางอารมณ์ว่าเจ้าชะตามีความพร้อมที่จะทำงานร่วมมือกับผู้อื่นได้ดีมากน้อยเพียงใด?

ข้อสรุปเกี่ยวกับเรือนชะตาเมอรีเดียน
เรือนที่ 1 และเรือนที่ 12   จะแสดงผลกรรมที่จะมีมา

เรือนที่ 6 และเรือนที่ 7 จะแสดงเรื่องราวที่เจ้าชะตาได้รับมาใหม่ในชีวิต

เรือนที่ 4 และเรือนที่ 9 จะแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อแม่ พี่น้องครอบครัว บ้านช่องของเจ้าชะตา ศีลธรรม จริยะธรรม วัฒนธรรม การศึกษา

เรือนที่ 3 และเรือนที่ 10 เกี่ยวพันต่อเนื่องมาจากภพที่ 4 และ9 เพราะภพนี้คือการศึกษาขั้นพื้นฐานในวัยเด็ก การอบรมสั่งสอนของครอบครัวที่ได้รับการบ่มเพาะมา  สังคมที่เจ้าชะตาเลือกที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องเพื่อต่อยอดออกมาเป็นอาชีพการงานที่มั่นคง

เรือนที่ 2 สะท้อน11 และเรือนที่ 5 สะท้อนเรือนที่ 8 คือภพที่แสดงตัวตนที่แท้จริงของเจ้าชะตาที่ปรากฏให้เห็นเป็น “ฉัน” โดยตรง เมื่อเจ้าชะตาต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อหาเงินหาทองเพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่น ในช่วงต้นของชีวิตและเมื่อยามแก่เฒ่าชราลง จะแสดงท่าทีของการรับมือต่อความตายของเจ้าชะตาและการมีชีวิตในโลกหน้า


จบครบทั้งหมด
--------------------------------------------------------------------------