ประโยชน์ของไรน้ำนางฟ้าต่อผู้เพาะเลี้ยงปลาสวยงาม
ไรน้ำนางฟ้า นั้นเป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ที่เป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งสำหรับผู้เพาะเลี้ยง
ปลาสวยงามที่ต้องการอาหารปลาที่คุณภาพสูง
ตารางแสดงคุณค่าทางอาหารของไรน้ำนางฟ้ากับอาหารปลาชนิดอื่น ๆ
ไรน้ำนางฟ้า ไรแดง อาทีเมียร์ จิ้งหรึด หนอนแดง
โปรตีน 64.94% 74.09% 56.45% 12.9% 50%
คาร์โบไฮเดรต 17.96% 12.50% 12.14% 5.1% 23%
ไขมัน 5.07% 10.19% 11.85% 5.5% 14%
เถ้า 8.40% 3.47% 17.46% - 9%
อื่นๆ - - - 76.5% 4%
*รับรองผลการทดลองโดย มหาวิทยาลัยขอนแก่น*
1. จากตารางแสดงคุณค่าทางอาหารแสดงให้เห็นว่า
1.) ไรน้ำนางฟ้าำมีโปรตีนสูงมากถึง 65% ทำให้ปลาที่กินไรน้ำนางฟ้า โตเร็ว เพราะได้โปรตีันช่วยในการเจริญเติบโต
2.) คารฺโบไฮเดรตสูงกว่าอาหารประเภทอื่นๆ ทำให้ปลาได้รับพลังงานสูง การเคลื่อนไหวก็กระฉับกระเฉง
3.) ไขมันต่ำทำให้ปลาไม่อ้วน จึงทำให้ปลาสุขภาพดี ไม้ขี้โรค
และที่สำคัญไรน้ำนางฟ้านั้นอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนมากกว่าอาหารชนิด
อื่นๆด้วยซึ่งเบต้าแคโรทีนเป็นสารที่สร้างสีสันให้ปลาดูสวยงาม เราสามารถ
พบจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยขอนแก่นว่า เมื่อปลาหมอสีที่เลี้ยงด้วยปลา
หมอสีเพียง 2 วันเท่านั้น ทำให้ปลามีสีแดงสดอย่างชัดเจน และเป็นสารต้าน
อนุมูลอิสระ ทำให้ปลาอายุยืนอีกด้วย
(อ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัยของ ศ.ดร.ละออศรี เสนาะเมือง)
2. ไรน้ำนางฟ้านั้นเจริญเติบโตเร็วมาก สามารถเก็บผลผลิตได้ใน5-7วัน
3. ขยายพันธุ้ได้เร็ว เพราะไรน้ำนางฟ้าตัวเมีย1 ตัววางไข่ได้ราว 6,000-12,000ฟอง
4. สามารถเลือกเก็บตัวไรไปใช้ประโยชน์ได้หลายขนาดตามขนาดของปลาที่เลี้ยง เช่น
- ลูกไร อายุ 1-3 วันใช้เลี้ยงลูกปลาได้
- ไร อายุ 4-5 วัน มีขนาด 1 ซม. ใช้เลี้ยงปลาขนาดเล็ก
- ไร อายุ 7 วัน มีขนาด 2 ซม. และอายุ 15 วัน ขนาด 3-4 ซม.ใช้เลี้ยงปลาขนาดใหญ่ได้
5. ลดต้นทุนค่าอาหาร
เพราะถ้าต้องซื้อจากฟาร์มเพาะเลี้ยง ซึ่งราคาตัวละ 5-10 สตางค์แต่ถ้าสามารถเพาะเลี้ยง
ได้เองจะสามารถลดต้นทุนได้มาก เพราะมีต้นทุนเพียงค่าน้ำค่าปุ๋ย และค่าไฟฟ้าเพียงเล็กน้อย
****************************************************